Page 241 -
P. 241

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


           222       Humanities Journal Vol.24 No.2 (July-December 2017)


                 2) การอ้างเหตุผลแบบอุปนัย (inductive argument) เป็นการน าความรู้ที่
          เป็นความจริงเฉพาะมาเป็นข้ออ้าง ท าให้ข้อสรุปไม่ได้เกิดจากข้ออ้างโดยจ าเป็น แต่
          เกิดโดยความน่าจะเป็น (probability) ซึ่งข้อสรุปที่ได้มีลักษณะเกินกว่าเนื้อหาในข้ออ้าง
          ซึ่งก่อให้เกิดความรู้ใหม่ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือความรู้ทางปฏิบัติใน

          ชีวิตประจ าวัน

                 แม้การอ้างเหตุผลทั้งสองแบบนี้จะแตกต่างกันที่หลักฐานข้อมูลที่น ามาอ้าง
          แต่มีข้อเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ข้อสรุปของการอ้างเหตุผลทั้งสองแบบล้วนเกิด
          จากการอนุมานเช่นเดียวกัน

          6.3  ตรรกบท (syllogism)
                               2

                 ด ารงค์ วิเชียรสิงห์ (2542, น. 36-37) กล่าวว่า ตรรกบทเป็นรูปแบบมาตรฐาน
          ของการอ้างเหตุผล ประกอบด้วยประโยคตรรก 3 ประโยค โดยมี 2 ประโยคเป็นข้ออ้าง
          และ 1 ประโยคเป็นข้อสรุป ซึ่งประโยคตรรกทั้ง 3 ประโยคประกอบด้วยเทอม 3 เทอม
          และแต่ละเทอมจะปรากฏ 2 ครั้ง


                 เทอมแต่ละเทอมที่มีชื่อเรียกต่างกัน ดังนี้

                 เทอมหลัก (major term) คือ เทอมแสดงของข้อสรุป
                 เทอมรอง (minor term) คือ เทอมประธานของข้อสรุป
                 เทอมกลาง (middle term) คือ เทอมที่ปรากฏ 2 ครั้งในข้ออ้างแต่ไม่ปรากฏ

          ในข้อสรุป โดยเทอมกลางจะท าหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ของอีก 2 เทอมในข้ออ้างให้
          มาสัมพันธ์กันในข้อสรุป

                 ตัวอย่าง
                 ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครอง
                 ระบอบการปกครองเป็นระบอบที่มีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง


                 2  ตรรกบท (syllogism) นั้นสามารถใช้ได้กับทั้งตรรกศาสตร์แบบนิรนัยและ
          ตรรกศาสตร์แบบอุปนัย
   236   237   238   239   240   241   242   243   244   245   246