Page 68 -
P. 68
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
57
2. รูปแบบพฤติกรรมในแต่ละช่วงเวลา เปรียบเทียบระหว่างสองพื้นที่มีความแตกต่างกัน คือพฤติกรรมการกิน
อาหาร พื้นที่ชุมชนพบมากกว่าพื้นที่ธรรมชาติบริเวณศูนย์วิจัยป่าชายเลนโดยพฤติกรรมที่ส าคัญ ได้แก่ การม้วนตัวจับ
เหยื่อ (roll) ในพื้นที่ธรรมชาติพบในช่วงเช้าเป็นส่วนใหญ่ แต่ในพื้นที่ชุมชนพบตลอดเวลา
พฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกันระหว่างสองพื้นที่ คือพฤติกรรมการบินและพฤติกรรมการร้องซึ่งแสดงถึงการจับ
คู่ผสมพันธุ์ ซึ่งพบพื้นที่ธรรมชาติมากกว่าในพื้นที่ชุมชน โดยการร้องเรียก (call) และการร้องขานรับ (follow) ปกติพบ
ในช่วงเวลาเช้าระหว่างเวลา 06.00 - 08.00 น. และช่วงเย็นระหว่างเวลา 16.00 - 18.00 น.
3. รูปแบบพฤติกรรมในแต่ละเดือน เปรียบเทียบระหว่างสองพื้นที่ พฤติกรรมที่มีความแตกต่างกัน คือ
พฤติกรรมกินอาหาร ได้แก่ การม้วนตัวจับเหยื่อ (roll) พบว่าในพื้นที่ชุมชนไม่มีความแตกต่างกัน โดยพบมากที่สุด
ในช่วงพฤษภาคม ส่วนในพื้นที่ธรรมชาติพบมากในช่วงกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนพฤษภาคมและหลังจากเดือน
พฤษภาคมไม่พบว่านกแอ่นกินรังเข้ามาหากินในพื้นที่ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมที่มีฝนตกชุกในพื้นที่ธรรมชาติท าให้ไม่
พบนกแอ่นกินรังเข้ามาแสดงพฤติกรรม
4. จากการศึกษาในการท าพฤติกรรมของนกแอ่นกินรัง ในระหว่างสองพื้นที่พบว่า ในพื้นที่ชุมชนนกแสดง
พฤติกรรมการกินอาหาร คือ การม้วนตัวจับเหยื่อ (roll) การกระพือปีกหลังจากการม้วนตัว (flutter) และ การปรับ
ระดับการบิน (tail-wing-open) มากกว่าในพื้นที่ธรรมชาติเนื่องจากปริมาณแมลงในพื้นที่ชุมชนที่มีมากกว่า เนื่องจาก
กิจกรรมของชุมชน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมส าหรับแมลงให้เพิ่มจ านวนมากขึ้น นกแอ่นกินรังจึงใช้พื้นที่ชุมชนในการ
หาอาหารเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ในพื้นที่ธรรมชาติ นกแอ่นกินรังแสดงพฤติกรรมการบิน ได้แก่การบินแบบโบกปีก (fly)
การร่อน (glide) และการบิดตัว (twist) พฤติกรรมการร้อง ได้แก่ การส่งเสียงร้อง (call) และการขานรับ (follow)
มากกว่าในพื้นที่ชุมชน เนื่องจากในพื้นที่ธรรมชาติมี ต้นไม้ที่มีเรือนยอดสูง เป็นพื้นที่ที่นกแอ่นกินรังเข้ามาใช้ท า
พฤติกรรมอื่นนอกเหนือจากการหากิน โดยเฉพาะการบินร่อน การร้องเพื่อการเกี้ยวพาราสี ในพื้นที่ธรรมชาติยังพบนก
ชนิดอื่นอีกหลายชนิด เช่น นกนางนวลแกลบ นกกาน้ าเล็ก รวมทั้งนกที่เป็นศัตรูของนกแอ่นกินรัง เช่น เหยี่ยวขาว และ
เหยี่ยวแดง ท าให้นกแอ่นกินรังมีการร้องเพื่อการสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับในพื้นที่ชุมชน
5. นกแอ่นกินรังใช้พื้นที่ชุมชนมากกว่าพื้นที่ธรรมชาติโดยรอบและแสดงพฤติกรรมการหากินมากกว่าในพื้นที่
ธรรมชาติ เนื่องจากบริเวณวัดช่องลม มีนกแอ่นกินรังเข้าไปท ารังภายในวิหารหลวงปู่แก้วจ านวนมาก และด้านนิสัยการ
กินอาหาร บริเวณพื้นที่ชุมชน มีการกระจายของแมลงในกลุ่ม Diptera ซึ่งเป็นแมลงที่มีในทุกฤดูกาลที่เป็นอาหารของ
นกแอ่นกินรัง
6. นกแอ่นกินรังของทั้งสองพื้นที่มีการรวมฝูงกันมากในช่วงเช้าคือเวลา 06.00 - 08.00 น. และช่วงเย็นคือเวลา
16.00 - 18.00 น. มาก และนกแสดงพฤติกรรมการกินอาหารน้อย ขณะที่นกในพื้นที่ชุมชนมีการจับแมลงตลอดทั้งวัน
โดยช่วงที่มีแสงมีการจับแมลงมาก ซึ่งแตกต่างกับนกที่อยู่ในพื้นที่ธรรมชาติที่หลังจากเวลา 12.00 น. ไม่พบการจับ
แมลงในพื้นที่ป่า
7. นกแอ่นกินรังในพื้นที่ชุมชนบริเวณวัดช่องลม พบว่าส่วนใหญ่เลือกใช้ความสูงระหว่าง 20-30 เมตร ในการ
แสดงพฤติกรรม ซึ่งเป็นความสูงที่พบการแสดงพฤติกรรมของนกแอ่นกินรังทุกประเภท ส่วนนกแอ่นกินรังในพื้นที่
ธรรมชาติโดยรอบศูนย์วิจัยป่าชายเลน ส่วนใหญ่ใช้ความสูงมากกว่า 50 เมตร ในการแสดงพฤติกรรม เนื่องจากบริเวณ
พื้นที่ป่าธรรมชาติปกคลุมด้วยหมู่ไม้ธรรมชาติมีเรือนยอดสูงประมาณ 10-30 เมตร จึงมีผลให้นกแอ่นกินรังใช้ระดับ
ความสูงจากเรือนยอดขึ้นไปอีก ประมาณ 20–30 เมตร นั่นคือ พบว่าส่วนใหญ่นกแอ่นกินรังใช้พื้นที่ธรรมชาติระดับ
ความสูงจากพื้นที่ดินมากกว่า 50 เมตร ขึ้นไปในการแสดงพฤติกรรม ซึ่งส่วนเป็นพฤติกรรมการร่อน การส่งเสียงร้อง
มากกว่าพฤติกรรมการบินเพื่อจับแมลงและกินอาหาร (feeding attempt) ซึ่งนกแอ่นกินรังมักใช้ที่โล่งในการท า
พฤติกรรม
วารสารสัตว์ป่าเมืองไทย ปีที่ 24 พ.ศ. 2560 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 24, 2017