Page 11 -
P. 11

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                       ประมาณ 80% ของรายได๎ครัวเรือนเกษตรกรในปัจจุบัน ดังนั้นครัวเรือนที่มีรายได๎สูงขึ้นต๎องใช๎เวลาในกิจกรรมนอก
                       ภาคการเกษตรมากขึ้น ในกลุํมเกษตรกรที่มีรายได๎สูงจึงเลือกที่จะขายข๎าวทันทีโดยไมํเก็บไว๎รอราคา นอกจากนี้
                       ความนําจะเป็นของการจัดเก็บข๎าวเพื่อรอขายของเกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนมีคําสูงสุดและต่ าที่สุดในพื้นที่
                       ชลประทาน ในขณะที่เกษตรกรที่ปลูกข๎าวอินทรีย์ในพื้นที่นาน้ าฝนมีความเป็นไปได๎ของการตัดสินใจจัดเก็บข๎าวหอม
                       มะลิไว๎เพื่อขายต่ ากวํากลุํมเกษตรกรที่ปลูกข๎าวทั่วไป สํวนตัวแปรภูมิภาค จ านวนผลผลิตข๎าวหอมมะลิ และการมียุ๎ง
                       ฉางมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับการตัดสินใจจัดเก็บข๎าวหอมมะลิของเกษตรกร ในขณะที่ต๎นทุนการตากข๎าว
                       ต๎นทุนการผลิตข๎าวที่เป็นเงินสด และราคาข๎าวหอมมะลิในชํวงเวลาที่เกษตรกรเก็บเกี่ยว พื้นที่เพาะปลูกข๎าวหอมมะลิ
                       ปริมาตรของสถานที่เก็บข๎าว วิธีการเก็บเกี่ยวและแรงงานที่ใช๎ในการตากข๎าว ไมํมีความสัมพันธ์อยํางมีนัยส าคัญทาง
                       สถิติกับการตัดสินใจเก็บจัดเก็บข๎าวของเกษตรกร
                                 ผลการศึกษาการตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการจ าน ายุ๎งฉาง พบวําเกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนที่ปลูกข๎าว
                       ทั่วไปมีสัดสํวนเกษตรกรที่เข๎ารํวมโครงการฯ สูงที่สุด และเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานเข๎ารํวมโครงการฯ น๎อยที่สุด
                       และเกษตรกรที่เข๎าโครงการฯ สํวนใหญํเป็นเกษตรกรรายใหญํที่มีพื้นที่เพาะปลูกข๎าวหอมมะลิมากกวํา 30 ไรํ ผล
                       การประมาณคําแบบจ าลอง Binomial  logistic  regression  พบวํา ต๎นทุนคําตากข๎าว การมียุ๎งฉาง ภาคอีสานใต๎
                       จ านวนแรงงานในครัวเรือน ขนาดพื้นที่เพาะปลูก และรูปแบบการผลิต มีอิทธิพลตํอการตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการฯ
                       ของเกษตรกรอยํางมีนัยส าคัญทางสถิติ โดยครัวเรือนที่มีจ านวนแรงงานในครัวเรือนสูงกวํามีความเป็นไปได๎ของการ
                       ตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการฯ มากกวําครัวเรือนที่มีแรงงานน๎อย นอกจากนั้นเกษตรกรที่มียุ๎งฉางของตนเองมีความ
                       นําจะเป็นในการเข๎ารํวมโครงการฯ มากกวํา เนื่องจากเกษตรกรที่เข๎ารํวมโครงการฯ ต๎องมียุ๎งฉางที่มั่นคงแข็งแรง
                       สามารถจัดเก็บข๎าวได๎ตลอดระยะเวลาการเข๎ารํวมโครงการฯ ส าหรับปัจจัยด๎านภูมิภาคพบวําเกษตรกรในเขตอีสาน
                       ใต๎มีความเป็นไปได๎ของการตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการฯ มากกวําเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ และเกษตรกรที่มีพื้นที่
                       เพาะปลูกข๎าวหอมมะลิขนาดใหญํ (พื้นที่เพาะปลูกข๎าวหอมมะลิมากกวํา 30 ไรํ) และขนาดกลาง (พื้นที่เพาะปลูก
                       ข๎าวหอมมะลิมากกวํา 10-30 ไรํ) มีความเป็นไปได๎ของการตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการฯ มากกวําเกษตรกรรายเล็ก
                       และเกษตรกรที่ปลูกข๎าวหอมมะลิทั่วไปในพื้นที่นาน้ าฝนมีความเป็นไปได๎ของการตัดสินใจเข๎ารํวมโครงการฯ
                       มากกวําเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานและเกษตรกรที่ปลูกข๎าวอินทรีย์ด๎วยเชํนกัน เนื่องจากเกษตรกรที่ปลูกข๎าว
                       อินทรีย์สํวนใหญํมีตลาดรองรับผลผลิตและขายผลผลิตได๎ราคาสูงกวําข๎าวหอมมะลิทั่วไปจึงไมํมีแรงจูงใจในการน า
                       ข๎าวหอมมะลิเข๎ารํวมโครงการฯ
                              3) รูปแบบการจัดเก็บข๎าวตํอคุณภาพข๎าว

                                 ผลการศึกษาความแตกตํางของคุณภาพข๎าวหอมมะลิจากการสุํมตัวอยํางข๎าวของเกษตรกร พบวํา
                       เกษตรกรที่ปลูกข๎าวหอมมะลิอินทรีย์ในพื้นที่นาน้ าฝนมีแนวโน๎มที่ผลผลิตข๎าวที่จัดเก็บมีคุณภาพดีที่สุด คือมี
                       เปอร์เซ็นต์ต๎นข๎าวสูงที่สุดและมีเปอร์เซ็นต์ข๎าวหักน๎อยที่สุด สอดคล๎องกับผลการวิจัยเชิงทดลอง ในขณะที่เกษตรกร
                       รายใหญํมีคุณภาพข๎าวต่ ากวําเกษตรกรรายเล็ก และการเปลี่ยนแปลงความชื้นของข๎าวหอมมะลิในแตํละพื้นที่ไมํ
                       แตกตํางกันมากนัก ส าหรับปริมาณ 2AP พบวํา ปริมาณ 2AP ของข๎าวหอมมะลิอินทรีย์ในพื้นที่นาน้ าฝนมีแนวโน๎ม
                       สูงกวําการปลูกข๎าวหอมมะลิทั่วไปและการปลูกข๎าวหอมมะลิในพื้นที่ชลประทาน อยํางไรก็ตามการเปลี่ยนแปลง
                       ปริมาณ 2AP ภายหลังจัดเก็บข๎าวในยุ๎งฉาง ไมํแตกตํางกันตามสภาพแวดล๎อมและรูปแบบการผลิต ส าหรับผลการ
                       วิเคราะห์ความแตกตํางของคุณภาพข๎าวตามสภาพกายภาพยุ๎งฉาง พบวําการเปลี่ยนแปลงความชื้นและปริมาณสาร
                       หอมในข๎าวหอมมะลิแตกตํางกันตามลักษณะการรั่วซึมของยุ๎งฉางและการบังแดด โดยยุ๎งฉางที่มีการรั่วซึมมากมี
                       แนวโน๎มที่จะท าให๎ความชื้นของข๎าวเปลือกหอมมะลิที่จัดเก็บมีเปอร์เซ็นต์ความชื้นเพิ่มขึ้น และยุ๎งฉางที่รั่วซึม
                       เล็กน๎อยมีเปอร์เซ็นต์ข๎าวท๎องไขํเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในขณะที่การเปลี่ยนคุณภาพข๎าวหอมมะลิแตกตํางตามวัสดุใต๎ฐาน
                       และการยกพื้นยุ๎งฉาง ซึ่งข๎าวหอมมะลิที่จัดเก็บในยุ๎งฉางที่มีวัสดุใต๎ฐานเป็นพื้นดินมีความชื้นหลังการจัดเก็บลดลง
                       มากกวําวัสดุใต๎ฐานที่เป็นพื้นปูน พื้นหินหรือสถานที่เก็บข๎าวที่ไมํได๎ยกพื้น และเกษตรกรที่เก็บข๎าวแบบเก็บกองและ
                       เก็บใสํกระสอบป่านมีแนวโน๎มที่ความชื้นข๎าวจะลดลงมากกวําการจัดเก็บข๎าวในกระสอบปุ๋ย กระสอบอาหารสัตว์
                       หรือกระสอบน้ าตาล ในขณะที่การจัดเก็บข๎าวโดยใช๎กระสอบป่านมีเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของข๎าวหักต่ าที่สุด ท๎องไขํ
                       เพิ่มขึ้นน๎อย และสาร 2AP  ลดลงน๎อยกวําการจัดเก็บด๎วยวิธีอื่น ผลการประมาณคําปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอการ
                       เปลี่ยนแปลงคุณภาพข๎าว พบวํา รูปแบบการจัดเก็บไมํสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของความชื้น เปอร์เซ็นต์ต๎น
                       ข๎าว และเปอร์เซ็นต์ข๎าวหักได๎ แตํสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงเมล็ดข๎าวท๎องไขํได๎ โดยยุ๎งฉางที่รั่วซึมมากกวํามี
                       ความนําจะเป็นที่เปอร์เซ็นต์ท๎องไขํจะเพิ่มขึ้น และการจัดเก็บข๎าวในกระสอบน้ าตาลมีความนําจะเป็นที่จะเกิดข๎าว




                                                                                                        ฌ
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16