Page 357 -
P. 357

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                     2) อินทรียวัตถุในดิน ปริมาณอินทรียวัตถุมีผลกระทบต่อความเป็นประโยชน์ของโบรอน 2 แบบ
            คือ  เนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์มีโบรอนเป็นองค์ประกอบ  การใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน  จะช่วย

            เพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุนี้  ในทางตรงกันข้ามอินทรียวัตถุในดินก็ดูดซับโบเรตในดินได้ด้วย  ท�าให้
            โบรอนในสารละลายดินลดลงชั่วคราว  แต่จะกลับมาเป็นประโยชน์ต่อพืชได้อีกเมื่อ  (1)  มีแอนไอออนอื่น

            เข้าไปแทนที่  หรือ  (2)  สารประกอบอินทรีย์ดังกล่าวสลายตัว  การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในดินที่มีอินทรียวัตถุต�่า
            จึงช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของโบรอนในระยะยาว

                     3) พีเอช  (pH)  ของดิน  ในกรณีที่ดินมีโบรอนใกล้เคียงกันแต่ดินมีพีเอชต่างกัน  พืชจะดูด
            โบรอนจากดินที่มีพีเอช 5 ได้มากกว่าดินที่มีพีเอช 7 การใส่ปูนมากเกินไปท�าให้พืชได้รับผลกระทบในแง่

            การใช้โบรอนในทางใดทางหนึ่งคือ  (1)  พีเอชของดินสูงขึ้นอาจท�าให้ความเป็นประโยชน์ของธาตุนี้ลดลง
            หรือ (2) ถ้าพืชยังได้รับโบรอนตามปรกติแต่พืชนั้นดูดแคลเซียมเข้าไปมาก ท�าให้สมดุลระหว่างธาตุทั้งสอง

            ในพืชไม่เหมาะสม การเจริญเติบโตก็ไม่ดี
                       พีเอชของดินเป็นปัจจัยส�าคัญที่ควบคุมการดูดซับโบรอนที่ผิวของอนุภาคดิน  ซึ่งมีผลต่อ

            ความเป็นประโยชน์ของโบรอนต่อพืช กล่าวคือในช่วงพีเอช 3 ถึง 9 การดูดซับโบรอนที่ผิวอนุภาคเหล็ก
            ไฮดรอกไซด์  [Fe(OH) ]  และอะลูมินัมไฮดรอกไซด์  [Al(OH) ]  สูงขึ้นเมื่อพีเอชของดินสูงขึ้น  แต่ไอออน
                               3                               3
            ต่อไปนี้สามารถแข่งขันและลดการดูดซับโบรอนได้ คือ ซิลิเกต ซัลเฟต ฟอสเฟตและออกซาเลต กลไกการ
            ดูดซับโบรอนที่ผิวอนุภาคเหล็กและอะลูมินัมออกไซด์  คือ  การแลกเปลี่ยนลิแกนด์  (ligand  exchange)
            ระหว่างบอเรตไอออนกับหมู่ไฮดรอกซิล ท�าให้แอนไอออนบอเรตเข้าไปดูดซับอยู่กับผิวของอนุภาคดังกล่าว

            อย่างเจาะจงและเหนียวแน่น  การดูดซับโบรอนที่ผิวของอนุภาคอะลูมินัมไฮดรอกไซด์  [Al(OH) ]  และ
                                                                                            3
            เหล็กไฮดรอกไซด์  [Fe(OH) ]  เกิดได้มากในช่วงพีเอช  7-9  ท�าให้ความเป็นประโยชน์ของโบรอนในดิน
                                    3
            ต�่ามาก
                     4) ความชื้นของดิน พืชที่ปลูกในดินซึ่งความชื้นต�่ามักขาดโบรอน เนื่องจาก (1) ในสภาพดังกล่าว

            อินทรียวัตถุในดินสลายตัวช้า หรือ (2) รากพืชแผ่ขยายได้จ�ากัด จึงดูดโบรอนได้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
                      ส�าหรับการขังน�้าของดินนาเกือบจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโบรอนในดิน โดยเฉพาะ

            อย่างยิ่งกรณีที่พีเอชของดินสูงขึ้นจนใกล้ 7 หลังจากการขังน�้า H BO  เป็นรูปของโบรอนที่มีมาก และ
                                                                   3  3
            ปฏิกิริยาการดูดซับโดยอะลูมินัมไฮดรอกไซด์และเหล็กไฮดรอกไซด์  จะเป็นปัจจัยส�าคัญที่ควบคุมความ

            เป็นประโยชน์ของโบรอนในดินนา
                       นอกจากปัจจัยทั้ง  4  ประการที่กล่าวแล้ว  สมดุลระหว่างแคลเซียมและโบรอนในดินก็มี

            อิทธิพลต่อการใช้โบรอนของพืช  ดังนี้  คือ  (1)  เมื่อดินมีแคลเซียมที่เป็นประโยชน์มาก  ท�าให้รากดูด
            โบรอนได้น้อยลง  ดังนั้นหากดินมีโบรอนมากและอยู่ในระดับที่เป็นพิษต่อพืช  การมีแคลเซียมในดินมาก

            ท�าให้พืชทนต่อพิษของโบรอนได้ดี แต่ถ้าดินมีแคลเซียมน้อย พืชจะไม่ทนต่อพิษของโบรอน (2) การใส่ปูน




                    ดิน ธาตุอาหารและปุ๋ยข้าว                             จุลธาตุของข้าว (ส่วนที่ 2)  353
   352   353   354   355   356   357   358   359   360   361   362