Page 356 -
P. 356

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                   1) หินและแร่ หินอัคนีมีโบรอนต�่ากว่า 10 มก.B/กก. ส่วนหินตะกอน เช่น หินเชลมีประมาณ

          100 มก.B/กก. แร่ส�าคัญที่มีโบรอนเป็นองค์ประกอบ ได้แก่ ทัวร์มาลีน (มีโบรอน 3-4 %) และแร่ดินเหนียว
          พวกซิลิเกต  อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากแร่เหล่านี้ละลายยากและสลายตัวช้า  หากมีโบรอนในส่วนอื่นในดิน
          ต�่าแล้ว การปลูกพืชอย่างต่อเนื่องในดินดังกล่าว จะพบปัญหาขาดแคลนธาตุนี้

                   2) โบรอนในสารละลายดิน ช่วง pH 5-7 ส่วนใหญ่เป็นกรดบอริก (H BO ) ซึ่งพืชดูดไปใช้ได้
                                                                                3
                                                                             3
          แต่ถ้าดินมี pH สูงกว่า 7 กรดบอริกจะเปลี่ยนเป็นแอนไอออนซึ่งมีประจุลบได้ 4 แบบ คือ H BO  ,
                                                                                              -
                                                                                         2   3
               2-
                      3-
                               2-
          HBO  , BO และ B O  ด้วย
              3      3       4 7
                       โบรอนที่เป็นประโยชน์ต่อพืช มี 2 ส่วน คือ ก) โบรอนในสารละลายของดิน ลักษณะ
          พิเศษของธาตุนี้ในสารละลายของดิน ก็คือ ส่วนมากคงเป็นโมเลกุลของกรดบอริก [H BO  หรือ B(OH) ]
                                                                               3   3          3
          โดยไม่แตกตัวเป็นไอออนเมื่อพีเอชของดินต�่ากว่า 7 แต่จะมีสภาพเป็นไอออน B(OH)  เมื่อพีเอชของดิน
                                                                                 -
                                                                                4
          สูงกว่า 7 ก็ได้ ในแง่การใช้ประโยชน์ของพืช รากพืชดูดกรดบอริกทั้งโมเลกุลได้ดีกว่าการดูดใช้ในรูปแบบ
          อื่นๆ  และ  ข)  โบรอนที่ถูกดูดซับด้วยแรงที่ไม่สูงนักและเป็นประโยชน์ต่อพืช  สามารถสกัดได้ด้วยน�้าร้อน
          (100 องศาเซลเซียส) จึงเรียกส่วนนี้ว่าโบรอนที่สกัดได้ด้วยน�้าร้อน (hot water extractable boron)
          และระดับที่เพียงพอคือ 1.3-2.0 มก.B/กก.

                   3) สารประกอบโบเรตที่ถูกตรึง อยู่กับแร่ดินเหนียวและอินทรียวัตถุในดิน  โบเรตในดินจะถูก
          ตรึงน้อยที่สุดเมื่อดินเป็นกรด  ดังนั้นเมื่อดินมีพีเอชสูงหรือเป็นด่าง  ความเป็นประโยชน์ของธาตุนี้จะต�่า

          โบเรตในดินอาจถูกตรึงไว้กับแร่ดินเหนียวหรือกับฮิวมัส ส�าหรับการตรึงกับแร่ดินเหนียวมีลักษณะดังนี้
                     (1) ดินที่มีเนื้อละเอียดมักตรึงโบเรตได้มากกว่าดินเนื้อหยาบ ดังนั้นโบเรตที่มีอยู่ในดินเหนียว
          ส่วนมากจะถูกตรึงไว้ เหลือเพียงส่วนน้อยในสารละลายของดิน

                     (2) สภาพกรดด่างของดินเป็นปัจจัยส�าคัญของการตรึงโบเรตในดิน  กล่าวคือ  ถ้าพีเอชของ
          ดินสูงขึ้นหรือดินเป็นด่าง  การตรึงจะมีมากขึ้น  ดังนั้นการใส่ปูนมากเกินไปอาจท�าให้พืชขาดโบรอนได้

          การตรึงโบเรตของดินเกิดขึ้นมากเมื่อดินมีพีเอช 7-9
                     (3) แร่ดินเหนียวพวกซิลิเกตตรึงโบเรตได้มากกว่าออกไซด์ของเหล็กและอะลูมินัม
                     ส�าหรับโบเรตในดินที่ถูกตรึงไว้กับฮิวมัสและแร่ดินเหนียว  จัดเป็นส่วนส�ารองส�าหรับพืช

          เนื่องจากเมื่อสารประกอบเหล่านี้สลายตัว ก็จะปลดปล่อยบอเรตออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชอีกครั้งหนึ่ง
               1.2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเป็นประโยชน์ของโบรอนในดิน

                   ปัจจัยที่เกี่ยวข้องมี 4 อย่างคือ เนื้อดิน อินทรียวัตถุ pH และความชื้นของดิน
                   1) เนื้อดิน มีผลดังนี้ (1) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างโบรอนในเนื้อดินที่ต่างกัน พบว่าดินทรายมี
          โบรอนทั้งหมดต�่ากว่าดินเหนียว และ (2) อนุภาคดินเหนียวดูดซับโบรอนได้ ดังนั้นดินเหนียวจึงดูดยึดโบรอน

          ได้มากกว่าดินทราย 2-3 เท่า แม้ดินทรายจะตรึงโบรอนได้น้อยกว่าดินเหนียว แต่โบรอนในสารละลายของ
          ดินทรายถูกชะละลายง่าย  พืชจึงอาจขาดแคลนธาตุนี้เมื่อปลูกในดินทราย




          352 จุลธาตุของข้าว (ส่วนที่ 2)                             ดิน ธาตุอาหารและปุ๋ยข้าว
   351   352   353   354   355   356   357   358   359   360   361