Page 121 -
P. 121
113
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
113
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
113
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
1
=
2
2
a + a + 2a a r
1
2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1 2 g 1 g 2
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
=
a + a + 0
2
2
1
=
2
2
a + a + 2a a r
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมป
1 ระสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1
2
=
2a
1 2 g 1 g 2
2
1
=
a + a + 0
2
2
1
=
2
2
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
a
1 + a + 2a a r
=
a
1
1
2
1 2 g 1 g 2
=
2
2
2a
√2
1
=
a + a + 0
2
2
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
=
1
a
= F เป็นค่ำ
1
=
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
2
2
2a
√2
2
g 1 g 2
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
=
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient 1
a
= F เป็นค่ำ
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
2
√2
2
g 1 g 2
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
= F เป็นค่ำ
1
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
2
g 1 g 2
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
113
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต 113
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1
=
2
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 2 1 2 g 1 g 2
a + a + 2a a r
2
1
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1
=
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
a + a + 0
2
2
114 พันธุศาสตร์ประชากร 1 = 1 2 1 = a 1 + a 2 + 2a 1 a 2 r g 1 g 2
2
2
สำาหรับการปรับปรุงพันธุ์
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
=
2
2
a + a + 0
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 2a 1 = 1 1 2
2a
1 1
1
=
1 2 g 1 g 2 = a = = ตรงกับกฎข้อที่ 2
ข้อสังเกต ถ้าเซลล์สืบพันธุ์ไม่มีความสัมพันธ์กัน
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต 1
a ค่า
2
2
a + a + 2a a r
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
=
√2 2 2
1
2 2
1
2
a
1
จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง g = a + a + 2a a F √2 = F เป็นค่ำ
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 กับ G ไม่ได้มีอิทธิพลทางตรงหรือ a อย่างเดียว จึงต้องมีการคิด
2
2
1
1 2
1
=
2
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g
a + a + 2a a r
2 3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g 1 และ g 2 มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r g 1 g 2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมป
อิทธิพลทางอ้อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งต้องผ่านเซลล์สืบพันธ์ุ g ด้วย ดังสมการ g 1 g 2 = F เป็นค่ำ
2
1 ระสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1
=
1
1 2 g 1 g 2 และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coef
2 ficient
2
2a + 2a a F
1 2
1
2
=
2
a + a + 2a a F
2
อัตรำเลือดชิด หรือ 2 inbreeding coefficient
1 1
1 2
2
2
r 1 = = = a + aF 2 1 2 g 1 g 2
a + a +
2a (1 + F) 2a a r
1
g G
2
1 2 1 = 2a + 2a a F
1 2
=
a + a + 2a a F
1
2
2
a = 2(1+F) + F) 1 2
1 =
= a(1 + F)
2
2a (1
1 = 2a + 2a a F
2
1 1
1 2
=
แทนค่า a a = = √ 2(1+F) + F)
1
1
a 2
=
2
2(1+F)
2a (1
2(1+F)
1 1
r a a = = = × (1+F)
1
2
2(1+F)
√
g G
2(1+F)
1 2(1+F)
1 1+F
r a = = √ 2 จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
g G
1 2(1+F) ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
r g G 1 = 2 2
ความสัมพันธ์หรือสหสัมพันธ์ระหว่างเซลล์สืบพันธุ์พ่อแม่กับจีโนไทป์ในรุ่นลูก
1 1 a 1 + a 2 + 2a 1 a 2 r g 1 g 2
=
2
a + a + 2a 1 a 2 F
2
4. Compound cause แบ่งออกได้เป็น ช่วงไซโกต ช่วงกามีต เนื่องจากเวลามีการรวมตัว
1
=
2a + 2a 1 a 2 F
2
ของเซลล์สืบพันธุ์เพื่อเป็นจีโนไทป์ใหม่ต้องเกิดมาจากช่วงกามีตและเมื่อมีการรวมตัวของกามีตก็จะเป็น
1
=
2a (1 + F)
2
1
ช่วงไซโกต a = 2(1+F)
2
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 a = √ 1
2(1+F)
4.1 Zygotic generation จากที่กล่าวมา a เป็นค่าบาทที่เกิดในช่วงเซลล์สืบพันธุ์ (g)
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
ไปเป็นจีโนไทป์ (G) จึงได้ก�าหนดให้ b เป็นค่าบาทจากจีโนไทป์หรือไซโกตไปเป็นเซลล์สืบพันธุ์
1 = a + a + 2a a r
2
2
1
2
1 2 g 1 g 2
1 = a + a + 2a a F
2
2
1 2
1 = 2a + 2a a F
2
1 2
1 = 2a (1 + F)
2
1
a =
2
2(1+F)
a = √ 1
2(1+F)
เมื่อก�าหนดให้
G , = จีโนไทป์ก่อนหน้าหรือรุ่นพ่อแม่
g และ g = เซลล์สืบพันธุ์
1 2
G = จีโนไทป์รุ่นลูก
F = ความสัมพันธ์ระหว่างเซลล์สืบพันธุ์
,
r , = สหสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพ่อแม่ (G ) กับรุ่นลูก (G)
GG
หรือสามารถหาได้จากผลคูณของสัมประสิทธิ์ค่าบาทระหว่าง a กับ b
r , = ba
GG