Page 123 -
P. 123
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
113
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
113
113
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
1
=
2
2
a + a + 2a a r
2
1
1 2 g 1 g 2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
113
1
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
=
a + a + 0
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
2
2
1
=
2
2
a + a + 2a a r
1
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ ห
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต รือไซโกต
2
=
2a
1 2 g 1 g 2
1 2
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
=
2
2
a + a + 0
= 1
1
1 =
1 จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
2
2
2 1
=
2 1
a
a + a + 2a a r + 2a a r
2 a + a
√ =
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1
2
1 2 g 1 g 21 2 g 1 g 2
=
2
2
2a √2
1
= 1
=
2
a + a + 0 + a + 0
2
2
2
a
1
=
2
2
1 a + a + 2a a r
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g
= F เป็นค่ำ
2= จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
1
= 1
a
1
2
1 2 g 1 g 2
√
2a =
2
= และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
2a
2
1
g 1 g 2
2
√2
113
=
a + a + 0
2
2
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
1
1
1
a
= a
1
= F เป็นค่ำ
1 =
22
= 2
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
2a
√2
√2 2
113
113
g 1 g 2
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
=
1
a
= F เป็นค่ำ = F เป็นค่ำ
1
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
2
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
113
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ ห
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต รือไซโกต
2 1 2
√2
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
g 1 g 2
g 1 g 2
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
1
= 1
= F เป็นค่ำ
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g
2
2
2
2
a + a + 2a a r + 2a a r
2 a + a
2
1
1 = มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1 2 g 1 g 21 2 g 1 g 2 g 1 g 2
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
1
= 1
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
=
a + a + 0 + a + 0
2
2
2
2
a
= 1
1
1บำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำ
=
2
2
2
2
a + a + 2a a r + 2a a r
a + a
1
= 1
2
2
1
2a =
1 2 g 1 g 2 1 2 g 1 g 2
2
2a
2
1
= 1
2 =
1
a + a + 0 + a + 0
2
2
2
2
=
2 a
a + a + 2a a r
2
1
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
=
1
1
1
1 2 g 1 g 2
a
= a
1
= 1
1
2a=
√2 2
2
2
=
a + a + 0
2 2a
2 2
√2
a 1
√ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
2a √ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
=
1
1
1
1
= F เป็นค่ำ = F เป็นค่ำ
= = a
2
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
2
2 1
1
2
g 1 g 2
√2 2
√2
g 1 g 2
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient √ = จะเป็นอิทธิพลของแต่ละเซลล์สืบพันธุ์
1
1
=
a
= F เป็นค่ำF เป็นค่ำ
2
√2
2
=
2 1
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
g 1 g 2
g 1 g 2
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
= F เป็นค่ำ
2
3. Correlated causes กล่ำวถึงในกรณีที่ g และ g มีควำมสัมพันธ์กัน นั่นคือ r
1
g 1 g 2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต 113 113
อัตรำเลือดชิด หรือ inbreeding coefficient
โครงการหนังสืออิเ
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 ล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1
=
2
2
a + a + 2a a r
1
2
1 2 g 1 g 2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 = a + a + 2a a F
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
2
2
116
1 2
พันธุศาสตร์ประชากร
1
=
2
2
1
a + a + 2a a r
สำาหรับการปรับปรุงพันธุ์
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต รือไซโกต
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ ห
=
2
2a + 2a a F
1 2
1 2 g 1 g 2
1 2
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 a + a + 2a a F ,
=
2
2
1 1
=
1 2
= 1 2a (1 + F)
เมื่อพิจารณาสัมประสิทธิ์ค่าบาทระหว่างจีโนไทป์ในรุ่นพ่อแม่ (G ) ไปยังรุ่นลูก (G) เกิดจากผลคูณ
2 2
1 =
2
2
2
a + a + 2a a r + 2a a r
2 a + a
1
1
2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1 2 g 1 g 21 2 g 1 g 2
=
2a + 2a a F
2
= 1
1
ของค่า b และ a a = a + a + 2a a F + 2a a F
1 2
21
2
2
2
=
a + a
2
1 1
1 2
1 2
2
2
2
2a (1 + F) + 2a a r
a + a
= 1
1 = = 2(1+F) 2a 2 1 2 g 1 g 2
1
2
=
2
2a + 2a a F 2a a F
2 1 1
=
a a 1 = = √ 2(1+F) 2 1 2 + 1 2
1 2
2 a
1 a + a + 2a a F
2 2(1+F)
=
1
=
2a (1 + F) (1 + F)
2
1 = 1 2(1+F) , 2a 1 2
=
2
2a + 2a a F
1 1 1+F
b
2 = =
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 = a √ 2a 2(1+F)
a a
1
2
=
2(1+F) 2 (1 + F)
= 2
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 2(1+F)
,
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ ห
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต รือไซโกต
1 1+F
1 1
= a x
ba
a =
1
=
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1 = 1 √ = √ 2 2(1+F)
2
a
2 2 2(1+F)
1
2(1+F)
1 2 g 1 g 21 2 g 1 g 2
2 2(1+F)
1 =
2
a + a + 2a a r + 2a a r
2 a + a
1 ,
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำบำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
1 1+F
1
จะสำมำรถหำค่ำ a ได้จำกกฎข้อที่ 1
ba
1
= 1
= =
2
a
2
2√
2
1+F
a + a + 2a a F + 2a a F
2
a + a
= 1
1
=
2
1บำทจำก เซลล์สืบพันธุ์ไปจีโนไทป์ หรือไซโกต
2
2
ก ำหนดให้ a เป็นอิทธิพลหรือสัมประสิทธิ์ค่ำ 2 = 2(1+F) 2 1 1 2 1 2
a + a
a + a + 2a a r + 2a a r
1
= 1
2
2
1 2 g 1 g 2 1 2 g 1 g 2
=
2a + 2a a F 2a a F
2
ส่วนค่าสหสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก (r 2 ) เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อแม่ไม่มีสหสัมพันธ์กัน (F = 0) จะได้
2a
1 2 +
1
= 1
1 2
a + a + 2a a F 2a a F
,
2
2
2
2 = G G
=
2 a + a +
1 1 = 1 2a (1 + F) (1 + F)
a + a + 2a
1 2a r 1 2
=
2
21
2
1 2 g 1 g 2
2a
1 1 = 1 2a + 2a a F 2a a F
2 =
2
2
=
2 2a +
1
1 2
r , a = = a ba a + a 1 2 + 2a a F 2
1
1
=
2
2
2a=
GG 1 1 = 1 2(1+F) (1 + F) (1 + F)
2
2
=
2a + 2a a F
2 2a
2(1+F)
1 2
1 1+F , 1 1
a 2 1 =
= = x
a = a 2 √ = (1 + F)
1
1
2
2a =
√
2
2(1+0)
a
2(1+F)
2(1+F)
2(1+F) 2(1+F)
1 ,
1 1+F 1
=
a
2
a = = a x 1
=
2
√ 2(1+F) √
2(1+F)
2(1+F) 2
1
r , a = 1 √ 1+F ,
=
2(1+F)
GG 2
,
ถ้าเซลล์สืบพันธุ์ของปูย่าไม่มีสหสัมพันธ์กัน (F = 0) จะได้
r , = 1
GG 2
4.2 Gametic generation เป็นค่าบาทที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างเซลล์สืบพันธุ์จาก
,
รุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่นลูก (r ) เกิดจากผลคูณระหว่าง a กับ b
,
g g