Page 127 -
P. 127
117
บทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำทบทที่ 3 กำรวิเครำะห์สัมประสิทธิ์ค่ำบำท
′
′
1+F
1+F
b
√
ൌ
b
√
ൌ
2
2
′
′
1
1
1+F
1+F
× √
× √
a′b
ൌ
a′b
ൌ
√
√
′′
2
2(1+F )F)
2
2(1+
1
1
a′b
a′b
ൌ
ൌ
2
2
5. Correlation between causes ส ำหรับกรณีนี้จะมีพำรำมิเตอร์ใหม่ขึ้นมำอีก 1 ค่ำ คือ m ซึ่งเป็น between causes ส ำหรับกรณีนี้จะมีพำรำมิเตอร์ใหม่ขึ้นมำอีก 1 ค่ำ คือ m ซึ่งเป็น
สหสัมพันธ์ระหว่ำงจีโนไทป์ของพ่อแม่ G และ G' ซึ่งในแต่ละรุ่นพ่อแม่จะมีบรรพบุรุษร่วมกันหรือไม่ ระหว่ำงจีโนไทป์ของพ่อแม่ G และ G' ซึ่งในแต่ละรุ่นพ่อแม่จะมีบรรพบุรุษร่วมกันหรือไม่
เรียกว่ำ common ancientor ในกรณีนี้ให้ค่ำบำทจำก G 1 ไปยัง g 1 มีค่ำเท่ำกับค่ำบำทจำก G 2 ไปยัง ไปยัง g 1 มีค่ำเท่ำกับค่ำบำทจำก G 2 ไปยัง
g 2 ในภำพนี้จะเห็นว่ำ D เป็นบรรพบุรุษร่วมของ G 1 และ G 2 1 และ G 2
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 117 สหสัมพันธ์ เรียกว่ำ common ancientor ในกรณีนี้ให้ค่ำบำทจำก G 1 g 2 ในภำพนี้จะเห็นว่ำ D เป็นบรรพบุรุษร่วมของ G 5. Correlation
120 พันธุศาสตร์ประชากร
120 พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
สำาหรับการปรับปรุงพันธุ์
120 120
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
แทนค่า
แทนค่า
แทนค่า แทนค่า
a a = = √ 1
1
1
2(1+F)
a = a √ = 2(1+F) 1
√
,
2(1+F) 2(1+F)
1+F 1+F 1 และ G 2 ซึ่งมีสหสัมพันธ์เป็น m และจะเห็นได้ว่ำสหสัมพันธ์เป็นบรรพบุรุษร่วมของ G 1 และ G 2 ซึ่งมีสหสัมพันธ์เป็น m และจะเห็นได้ว่ำสหสัมพันธ์
ในกรณีนี้ D เป็นบรรพบุรุษร่วมของ G ′ ในกรณีนี้ D
b =
b
=
√
2 2
′
ระหว่ำงเซลล์สืบ = b √ = 1+F ′ √ หรือ F หรือ F
1+F
b พันธุ์ g 1 และ g 2 มีค่ำ r g 1 g 2
2 , 2 ระหว่ำงเซลล์สืบพันธุ์ g 1 และ g 2 มีค่ำ r g 1 g 2
F
2
ab ab = = 1 1 1+F ′ b m 2 b m ൌ F
1+F ൌ
√
2
1+F
จะเห็นได้ว่ำถ้ำ m = 0 จะไม่มี inbreeding 1+F ′ จะเห็นได้ว่ำถ้ำ m = 0 จะไม่มี inbreeding
′
2 1
1+F1
=
1+F
ab ab = √
√
2 2F 2F 1+F2 1+F
m โดย b , ൌ √ 1+F ′ ′ 1+F √ ൌ โดย b
m =
=
′
2F
(1+F )
=
m = m (1+F ) 2F 2 2
′
′
(1+F ) (1+F ) 2 2
,
1+F
r r = = 1F 1+F ′ 1+F ′ ′ 2F 2F 1+F F
1
1 √ m
ൌ
)
(
(1+F )
FO FO √ 1+F ′ × (1 + ) m ( √ , ′ ) ൌ
′
2 1
2F 2
=
r r FO 2 = √ 1+F1 √ 1+F 2 (1+F ) ) 2F )
1+F
× (1 +× (1 +
FO
′
′
2 1+F , 1+F , (1+F ) (1+F )
2
= = 1F √ 1+F ′ × 1+F+2F ′ 1+F ൌ F
′ ′
1+F
1+F +2F
, m ×m
1 1+F ൌ
×
= 2 2 1 1+F ′ × √ 1 1+F+F 1+F ′ ′ 2
2
′ ′
1+F +2F1+F +2F
1+F1
=
1+F
√
×
2F 1+F2 ′ ൌ , 1+F ′ F )m +F )m ′ 1+F ′ (1 ൌ 2F
2
1+F+2F
1+F , ′ ′
1+F
(1 +
= = 1 1 √ 1+F × 1+F +2F ,
′ ′ ,
1+F
′
= 2 = √ 1+F1 ′ × √ 1+ 1+F 1+F ′ ′ m
1+F +2FF
1+F +2F
2 1
1+F
2F
m
√1+F √1+F 2F
×
ൌ
2 1+F2 1+F ,′ ′ √ ′ ′ ′ (1+F ′ ൌ
1+F+2F
√1+F √1+F1+F √1+F
1 1
(1+F ) )
= = 1 √ 1 × 1+F +2F
′
,
1+F 1+F
= 2 2 1 1+F 1 × √ 1+F ′ × ′ ′ ′ ′
√1+F +2F1+F +2F
1
1
=
1+F
√
√1+F √1+F
1+F , 2
2
1+F+2F
′
r r PO = = 1 1 1+F +2F ,
1+F
PO 2 1 1+F +2F 1+F ′ ′
′
2 √1+F√1+F 1+F +2F
1
=
=
r PO r PO 2 √1+F√1+F1+F√1+F ′
′
2 √
เมื่อก าหนดให้ m = 0 จากสูตร F = b m จะได้ค่า F = 0 เมื่อแทนค่า F ลงไปในสูตร r
เมื่อก�าหนดให้ m = 0 จากสูตร F = b 2 2 2m จะได้ค่า F = 0 เมื่อแทนค่า F ลงไปในสูตร r
PO
เมื่อก าหนดให้ m = 0 จากสูตร F = b m จะได้ค่า F = 0 เมื่อแทนค่า F ลงไปในสูตร r
2
เมื่อก าหนดให้ m = 0 จากสูตร F = b m จะได้ค่า F = 0 เมื่อแทนค่า F ลงไปในสูตร r PO PO
PO
′
,
1 1+F +2(0)
1+F+2(0)
r r PO = = 1 1 1+F +2(0)1 1+F ′ ′
′
2 √1+(0)√1+F +2(0)
=
=
,
PO r PO r PO 2 2 √1+(0)√1+F1+(0)√1+F ′ 1+F
1+(0) 1+F
′
2 √
= 1 1+F ′ ,
= = 1 1 1+F 1+F ′ ′ ′ , ′ ′
2 √1+F 1 1+F
=
2
′
= 2 √1+F 1+F 2 √1+F ,
1 √1+F′√1+F
,
= = 1 1+F ′ ′ ′
√1+F 1+F
2 1 √1+F′√1+F1 √1+F′√1+F
=
,
2 2 √1+F √1+F ′
1+F
′
2
r PO = 1 1 √1 + F′
r r = r = 2 1 = √1 + F′ 1+F √1 + F′
, 1
ถ้า F′ = 0 จะได้ PO PO PO 2 2 2
ถ้า F′ = 0 จะได้ ถ้า F′ = 0 จะได้
,
ถ้า F = 0 จะได้ 1
r PO = 2 1 1
r PO r PO = 2
=
2
r = 1
PO 2