Page 34 -
P. 34

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





               รุนสูรุน ระหวางการสืบทอดมีการปรับ ประยุกตและเปลี่ยนแปลง พัฒนา สูญสลายหายไปบางและเกิดใหมเปน

               ความรูใหมตามยุคสมัย หรืออาจกลาวไดวาภูมิปญญาทองถิ่นเปนการใชภูมิปญญาหรือความรูในทองถิ่นเพื่อ
               การพัฒนาทองถิ่นซึ่งเปนความรูชุดใหม

                       โดยลักษณะของภูมิปญญาทองถิ่นมี 5 ประการ คือ 1. มีวัฒนธรรมเปนฐาน 2. มีลักษณะผสมผสาน

               3. มีความเชื่อมโยงกับความเชื่อ 4. เนนการปฏิบัติที่ถูกทํานองคลองธรรมและพฤติกรรมมนุษย 5. เนน
               พฤติกรรมกลุมของหนวยทางสังคมและสถาบันสังคม (เทิดชาย ชวยบํารุง, 2554: 46)

                       ในงานวิจัยนี้จึงกําหนดใชตามความหมายของภูมิปญญาทองถิ่นดังกลาว


                       2) ลักษณะและความสําคัญของภูมิปญญาทองถิ่น
                       ภูมิปญญา (wisdom) คือ องคความรู ความสามารถและทักษะของคนที่เกิดจากการไดสั่งสม

               ประสบการณ ที่ผานกระบวนการเลือกสรร เรียนรู ปรุงแตง และถายทอดสืบตอกันมาเพื่อใชแกปญหาและ

               พัฒนาวิถีชีวิตของคนใหสมดุลกับสภาพแวดลอมและเหมาะสมกับยุคสมัย ภูมิปญญาเกิดจากการสะสมการ
               เรียนรูมาเปนระยะเวลายาวนาน มีลักษณะที่เชื่อมโยงกันหมดในทุกสาขาวิชา ฉะนั้นวิชาเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

               อาชีพ ความเปนอยู การศึกษา วัฒนธรรม จะผสมกลมกลืนเชื่อมโยงกันหมด ภูมิปญญาเปนผลของ

               ประสบการณสั่งสมของคนที่เรียนรูจากการปฏิสัมพันธกับสิ่งแวดลอม ปฏิสัมพันธในกลุมชนเดียวกัน และ
               ระหวางกลุมชนหลายๆ ชาติพันธุ รวมไปถึงโลกทัศนที่มีตอสิ่งเหนือธรรมชาติ ภูมิปญญามี 2 ลักษณะคือ

               ลักษณะนามธรรม เปนโลกทัศน ชีวทัศน เปนปรัชญาในการดําเนินชีวิต เปนเรื่องเกี่ยวกับการเกิด แก เจ็บ ตาย

               คุณคาและความหมายของทุกสิ่งในชีวิตประจําวัน และลักษณะรูปธรรม เปนเรื่องเฉพาะดาน เชน การทํามา
               หากิน การเกษตร หัตถกรรม ศิลปะ ดนตรีและอื่นๆ ภูมิปญญาเหลานี้สะทอนออกมาเปน 3 ลักษณะที่สัมพันธ

               ใกลชิดกัน คือ
                       1) ความสัมพันธระหวางคนกับโลก คนกับสิ่งแวดลอม สัตว พืช ธรรมชาติ

                       2) ความสัมพันธระหวางคนกับคน มีอยูรวมกันในสังคมหรือชุมชน

                       และ 3) ความสัมพันธระหวางคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์) สิ่งที่ไมสามารถสัมผัสได
                       ทั้งสามลักษณะนี้ คือ ชีวิตของปุถุชนทั่วไปที่สะทอนออกมาถึงภูมิปญญาในการดําเนินชีวิตอยางมี

               เอกภาพ โดยผานกระบวนการทางจารีต ประเพณี วิถีชีวิต การทํามาหากินและพิธีกรรมตางๆ เพื่อใหเกิดความ
               สมดุลระหวางความสัมพันธเหลานี้ เปาหมายก็คือเพื่อใหเกิดความสุขทั้งในสวนที่เปนชุมชน หมูบาน และใน

               สวนที่เปนปจเจกของชาวบาน ถาหากเกิดปญหาทางดานความไมสมดุลกันขึ้นก็จะกอใหเกิดความไมสงบสุข

               เกิดปญหาในหมูบานและชุมชน (ประเวศ วะสี, 2530: 75)
                       ภูมิปญญาทองถิ่นกับการพัฒนาเปนเรื่องสําคัญที่ตองคํานึงถึงกระบวนการจัดการที่มีลักษณะเชิงซอน

               มีลักษณะที่ซอนทับกันหลายมิติ อันเปนการปฏิเสธแนวทางการพัฒนาประเทศไทยที่ผานมาที่ใชฐานความรู

               ชนิดเดียว ประเภทเดียว ซึ่งเรียกวา “ความรูทางวิทยาศาสตร” เพียงประการเดียวเทานั้น ถึงแมวาโดย
               ขอเท็จจริงแลวความรูทางวิทยาศาสตรจะเปนความรูที่มีความสําคัญก็ตาม ในขณะเดียวกันโลกยุคปจจุบันก็มี

               วัฒนธรรมที่หลากหลาย มีมนุษยตางวัฒนธรรม ซึ่งลวนแลวแตไดสรางภูมิปญญาของตนเองขึ้นมา ทําใหมนุษย


                                                          2 - 15
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39