Page 72 -
P. 72
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
66
การป้องกันและกําจัด :
เนื่องจากความเสียหายเกิดขึ้นที่ผลเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อเริ่มพบโรคราแป้งระบาดจะต้องพ่น
ด้วยสารป้องกันกําจัดโรคให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเมื่อดอกเงาะบานและเริ่มติดผลโดยพ่นด้วย เบโมมีล 8 กรัม
ต่อนํ้า 20 ลิตร หรือไดโนแคป 30 กรัมต่อนํ้า 20 ลิตร ให้ทั่วช่อดอกและผลอ่อนหรือแม้แต่ที่ผลใหญ่ใกล้แก่ที่
กําลังมีลักษณะอาการของโรคนี้อยู่
2. โรคเงาะขี้ครอก
ลักษณะอาการ :
ลักษณะอาการปรากฏที่ผลเงาะ โดยผลจะไม่เจริญเติบโต มีขนาดเล็ก ขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. เจริญเติบโตได้ก็จะลีบแบนไม่สมบูรณ์ โค้งงอแต่ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก
มักจะเป็นทั้งช่อ เมื่อถึงกําหนดเงาะสุก เงาะที่เป็นโรคนี้จะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง แต่ส่วนมากจะเหลืองอมเขียว
เมื่อนานวันเข้าก็จะแห้งติดอยู่กับขั้วของช่อผลนั้น เมื่อแกะผลเงาะที่ยังสดอยู่ตรวจดูภายในจะพบว่าภายใน
ผลขี้ครอกนั้นมีเนื้อเงาะเจริญขึ้นมาจากรังไข่เอง แต่การเจริญไม่สมบูรณ์ มีส่วนที่เป็นเนื้อน้อยมาก ลักษณะ
แบนและปราศจากเมล็ด
สาเหตุของโรคและการแพร่ระบาด :
เกิดจากรังไข่ไม่มีการผสมเกสรทําให้รังไข่ของเงาะซึ่งมีอยู่ 2 รัง ซีกหนึ่งจะฝ่อเพราะ
ไม่ได้รับการผสมพันธุ์ ทําให้รังไข่อีกซีกหนึ่งเจริญเป็นเงาะขี้ครอก โดยธรรมชาติแล้วต้นเงาะมีอยู่ 2
ประเภทคือ เงาะต้นตัวผู้จะให้ดอกตัวผู้ล้วน ๆ และในต้นเดียวกันมีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในดอก
เดียวกัน ดอกประเภทนี้มีรังไข่ 2 รัง รังหนึ่งจะเจริญเติบโตถ้าได้รับการผสมเกสร และอีกรังหนึ่งจะฝ่อไป
หลังจากการผสมพันธุ์ในบางแหล่งและบางโอกาสทําให้แหล่งละอองเกสรตัวผู้มีน้อย ทั้งนี้เป็นเพราะ
ละอองเกสรแก่ไม่ตรงเวลาที่ผสมพันธุ์กับรังไข่ หรือปริมาณเกสรตัวผู้ไม่พอ โอกาสที่รังไข่จะได้รับการผสม
เกสรแก่ไม่ตรงเวลาที่ผสมพันธุ์กับรังไข่ หรือปริมาณเกสรตัวผู้ไม่พอ โอกาสที่รังไข่อีกรังหนึ่งเจริญเติบโต
เป็นเงาะขี้ครอก ทั้งๆ ที่รังไข่นี้ถ้าได้รับการผสมเกสรก็จะเจริญเป็นผลเงาะเช่นปกติ แต่ก็ต้องหมดโอกาสไป
กลับกลายเป็นผลเงาะขี้ครอก
การป้องกันและกําจัด :
โดยการปลูกเงาะต้นตัวผู้ขยายให้กระจัดกระจายในสวน หรือโดยติดตาเงาะตัวผู้ให้
กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งจะเป็นแหล่งให้เกสรตัวผู้แพร่ไปผสมพันธุ์ได้ ที่สวนเงาะปัจจุบันใช้สารเคมีฉีด
พ่นดอกเงาะ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกทําได้ง่ายและได้ผลดีโดยพ่นด้วยสารเคมี เช่น เอ็น เอ เอ ซึ่งอาจอยู่ในรูปชื่อ
การค้าต่าง ๆ เช่น แพนโนฟิก กับดอกที่กําลังเป็นดอกตูมก่อนบานโดยพ่นเป็นช่อ ๆ ให้กระจายทั่วต้นหรือ
พ่นเป็นทางยาวพาดผ่านต้น ดอกที่ถูกสารดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นดอกที่มีเกสรตัวผู้เจริญสมบูรณ์ จะช่วยการ
ผสมพันธุ์ติดผลมากขึ้น ฉะนั้นต้องเตรียมการเสียแต่เนิ่น ๆ ตามคําแนะนํา นอกจากนี้เกษตรกรต้องพยายาม