Page 103 -
P. 103
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
¤ÇÒÁàÊÕ觢ͧÀÒÇйíéÒ˹ѡà¡Ô¹ ¡ÒûÃÐàÁÔ¹ÀÒÇйíéÒ˹ѡà¡Ô¹áÅÐâä͌ǹ
การที่แพทยและนักโภชนาการเปนกังวลในเรื่องภาวะนํ้าหนักเกินหรือโรคอวนของประชากรโลกเพราะเปนสาเหตุสําคัญนํามาซึ่ง สามารถประเมินงาย ๆ โดยการชั่งนํ้าหนัก วัดสวนสูง อีกวิธีเปนการวัดไขมันใตผิวหนังซึ่งตองมีเครื่องมือชวย
โรคตาง ๆ ไดแก 1. การชั่งนํ้าหนัก วัดสวนสูง คานํ้าหนักตามสวนสูง (Weight for
height) ในเด็กหากมากกวาคามัธยฐานเปอรเซ็นไทลที่ 50 ถา
1. โรคเบาหวานประเภท 2 หรือประเภทไมพึ่งอินซูลิน เปนภาวะความลมเหลวของเซลลตับออนที่เรียกวา เบตาเซลล (Beta cell นํ้าหนักที่ชั่งไดตามสวนสูงคิดเปนรอยละ 140 - 160 ของคา
(ß)) และการดื้อตอฮอรโมนอินซูลิน ซึ่งหมายถึง ระดับของอินซูลินที่ผลิตเพิ่มขึ้นแตไมสามารถไปลดระดับนํ้าตาลในเลือดได มัธยฐานจัดเปนอวนปานกลาง ถาเกินรอยละ 160 จัดเปนอวนมาก
นํ้าตาลไมสามารถถูกขนสงเขาไปในเซลลเพื่อการเผาผลาญเปนพลังงาน เบาหวานประเภทนี้มีความสัมพันธอยางยิ่งยวดกับ สามารถสืบหาตารางหรือกราฟการเจริญเติบโตมาตรฐานที่วานี้
ภาวะอวนแบบลงพุง ที่มีการสะสมไขมันบริเวณหนาทอง (Visceral fat) เนื่องจากเซลลไขมันบริเวณนี้มีอัตราการสลายไขมันสูง ไดจากเวปไซดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หรือขอจาก
(Lipolysis) เปนผลใหกรดไขมันที่ถูกปลอยออกมาเดินทางเขาสูตับจํานวนมากทางหลอดเลือดที่สงไปยังตับ (Portal circula- โรงพยาบาลในชุมชนได สําหรับผูใหญอาจเปรียบเทียบกับนํ้าหนัก
tion) และสงไปยังกลามเนื้อ มีผลกระทบใหอินซูลินไมสามารถผลักดันนํ้าตาลใหเขาไปสูเซลลเหลานี้ได นํ้าตาลกลูโคสในเลือด ตัวมาตรฐาน หากนํ้าหนักอยูระหวางรอยละ 90 - 109 ของนํ้าหนัก
จึงยังคงมีปริมาณมากแมวาอินซูลินจะถูกผลิตมากขึ้นก็ตาม เปนผลใหเกิดภาวะเบาหวาน (Roden และคณะ, 1996) มาตรฐานจัดวาปกติ ถานํ้าหนักเทากับรอยละ 110 - 119 จัดเปน
นํ้าหนักเกิน และถาเกินรอยละ 120 จัดเปนภาวะโรคอวน นํ้าหนัก
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด ในการศึกษาของ EUROASPIRE ระยะที่ 3 พบวาในผูปวยโรคหัวใจและหลอดเลือด จํานวน 2,392 คน ตัวที่ควรเปนอาจคํานวณคราว ๆ จากสวนสูงหนวยเปนเซนติเมตร
มีภาวะนํ้าหนักเกินถึงรอยละ 80 ทั้งเพศชายและหญิงที่มีดัชนีมวลกายมากกวา 29 กิโลกรัม/ตารางเมตร มีโอกาสเสี่ยงตอการ ลบดวย 100 ในเพศชาย หรือลบดวย 110 ในเพศหญิง จะไดนํ้า
เปนโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 3 เทาของผูที่มีดัชนีมวลกาย ตํ่ากวา 21 กิโลกรัม/ตารางเมตร ทั้งนี้เพราะผูที่มีภาวะโรคอวน หนักตัวที่ควรเปนโดยประมาณ ในหนวยกิโลกรัม
โดยเฉพาะการสะสมไขมันบริเวณหนาทองและกําบังลม มีผลใหโครงสรางของหัวใจเปลี่ยนแปลงได พบวาหองหัวใจมีขนาด
กวางขึ้น ผนังกั้นหองหนาขึ้น และเซลลหองหัวใจดานลางซายที่รับเลือดที่พาออกซิเจนมาจะขยายขนาดโตขึ้น เปนผลใหเกิด
เลือดคั่งและหัวใจลมเหลว
3. โรคกระดูกและขอ เด็กเล็กที่อวนมาก ๆ จะมีผลใหการพัฒนาการของกลามเนื้อและขอชากวาเด็กปกติ การเดินไมคลองตัว
รางกายตองรับนํ้าหนักมากทําใหขาโกง แมแตผูใหญก็เชนเดียวกันโดยเฉพาะผูสูงอายุมีภาวะของกระดูกพรุนอยูแลว การรับ
นํ้าหนักตัวเปนเวลานานทําใหเกิดอาการปวดขอและกระดูก นํามาซึ่งความเสื่อมสภาพของกระดูกเร็วกวาวัยอันควรได
4. โรคความดันโลหิตสูงและไขมันสูงในเลือดรวมทั้งระบบทางเดินหายใจ ผูที่มีภาวะอวนโดยเฉพาะการลงพุงจะไปกดทับระบบ เปรียนเทียบคาดัชนีมวลกาย
การหายใจ เวลานอนปอดขยายตัวไดนอย ทําใหไดรับออกซิเจนตํ่า มีคารบอนไดออกไซดสูง จึงเปนอันตรายตอชีวิต
5. โรคมะเร็ง การมีนํ้าหนักเกินมาตรฐานมาก ๆ เปนความเสี่ยงตอการเกิดมะเร็งหลอดอาหารเนื่องจากการไหลยอนกลับของกรด
ในกระเพาะ นอกจากนี้ยังเสี่ยงตอการเกิดมะเร็งที่ทางเดินปสสาวะมากกวาผูที่มีนํ้าหนักปกติถึง 3 เทา รวมทั้งความเสี่ยงตอ นอยกวา 18.5 18.5 - 22.9 23.0 - 24.9 25.0 - 29.9 มากกวา 30.0
มะเร็งที่ถุงนํ้าดี ลําไส ตอมลูกหมากและมะเร็งเตานม ทุกคาดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้น 5 จุด จะทําใหมีความเสี่ยงตอการเปนมะเร็ง ผอม สมสวน ทวม นํ้าหนักเกิน อวน
ลําไสเพิ่มขึ้นรอยละ 24 ในเพศชาย และเพิ่มขึ้นรอยละ 9 ในเพศหญิง
2. ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index, BMI) เปนคาที่ใชอางอิงในผูใหญ ปจจุบันมีการศึกษาวิจัยหาคาดัชนีมวลกายในเด็กโดย
เปรียบเทียบกับผูใหญเพื่อใชในการคัดกรองความเสี่ยงตอภาวะอวนของเด็ก (Khadikar และคณะ, 2012) มีการกําหนดดังนี้
2.1 คาดัชนีมวลกายของเด็กอายุ 5 - 18 ป แสดงในตารางที่ 1 เชน เด็กอายุ 9 ป มีคาดัชนีมวลกายหรือ BMI =14.35 เทากับมี
ภาวะโภชนาการปกติเมื่อเทียบกับผูใหญอายุ 18 ปที่ 18.5 กิโลกรัม/ตารางเมตร (Australian Bureau of Statistics, 2012)
102 103
อาหารไทย...ทางเลือกที่ดีกวา การควบคุมนํ้าหนักกับอาหารไทย