Page 61 -
P. 61
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
57
จึงจะพบบารบอดี 1 อัน ดังนั้นถามีโครโมโซมเพศ-เอกซ 3 อันก็สามารถคาดหวังไดวาจะตองมีบารบอ
ดี 2 อันเปนตน บารบอดีสามารถตรวจดูไดอยางงาย ๆ จากเซลลเยื่อบุขางแกม เซลลเยื่อบุชองปสสาวะ
หรือเซลลเยื่อบุชองคลอดโดยการยอมดวยสีฟุลเกนหรือกิมซา จึงทําใหบารบอดีเปนเครื่องมือที่มี
คุณคามากในการบงบอกเพศของสิ่งมีชีวิต
5.6 ดรัมสติกหรือไมตีกลอง
วิธีบงบอกเพศของสิ่งมีชีวิตอีกวิธีหนึ่ง คือ การตรวจสอบวามีดรัมสติกหรือไม Davidson
และ Smith (1954) เปนคนแรกที่คนพบดรัมสติกในเซลลเม็ดเลือดขาวของคนไขหญิง เขาสังเกตุเห็น
วา มีจุดดําขนาดเล็กหนึ่งจุดยื่นออกมาจากนิวเคลียสซึ่งมีลักษณะพิเศษเปนกอน ๆ (lobe) ภายในเซลล
จุดดํานี้มีสายใยโครมาตินบาง ๆ ยึดติดกับนิวเคลียส ทําใหมองดูมีลักษณะเหมือนไมตีกลองจึงเรียกวา
ดรัมสติก (drumstick) (รูปที่ 5.2) แตเขาไมพบดรัมสติกในเซลลเม็ดเลือดขาวจากผูชาย ดรัมสติกไมผัน
แปรไปตามอายุ มีขนาดเสนผาศูนยกลาง 1.4 – 1.6 µm ในคนผูหญิงปกติจะพบดรัมสติกประมาณ 1
ใน 40 เซลลเม็ดเลือดขาว สวนในคนผูชายจะพบนอยกวา 1 ใน 500 เซลลเม็ดเลือดขาว เนื่องจาก
ลักษณะและคุณสมบัติของดรัมสติกมีความสัมพันธโดยตรงกับจํานวนโครโมโซมเพศ-เอกซ
เชนเดียวกับบารบอดี ดรัมสติกจึงเปนลักษณะอีกอยางหนึ่งที่สังเกตไดงายที่แสดงใหเห็นถึงความแตก
ตางของเซลลจากเพศที่ตางกัน
รูปที่ 5.2 ดรัมสติกหรือไมตีกลองของเซลลเม็ดเลือดขาวของคนผูหญิง