Page 283 -
P. 283
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3-15
3.2.2 มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุรักษพื้นที่ปาไมที่สําคัญ
ถึงแมวาจะมีมติคณะรัฐมนตรีจํานวนมากที่เกี่ยวของกับการอนุรักษพื้นที่ปาไมดังที่ได
ทบทวนในบทที่ 2 ก็ตาม แตมีมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวของกับพื้นที่ปาอนุรักษโดยตรงอยู 3 เรื่อง คือ
1. การกําหนดชั้นคุณภาพลุมน้ํา
2. ปาชายเลน
3. การจําแนกเขตการใชประโยชนทรัพยากรที่ดินและปาไมในพื้นที่ปาสงวนแหงชาติ
มติคณะรัฐมนตรีทั้ง 3 เรื่องนี้จะทบทวนในขอ 3.4.2 พื้นที่ปาอนุรักษตามมติคณะรัฐมนตรี
3.3 การสงวนหวงหามพื้นที่ปาไมในภาพรวม
3.3.1 ความเปนมา
ไดมีการประกาศใชพระราชบัญญัติคุมครองและสงวนปา พุทธศักราช 2481 ในราชกิจจา-
นุเบกษา เลม 56 ลงวันที่ 3 เมษายน 2482 มาตรา 11 แหงพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติไววา “ปาใดที่ได
กําหนดเปนปาสงวนแลว หามมิใหบุคคลใดยึดถือจับจอง กนสราง แผวถางปานั้น และหามมิใหเผาปา นํา
ปลอย หรือละเลยใหสัตวเลี้ยงเขาไปหรือจัดทําสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเปนอันตรายแกไมหรือของปาในปาสงวนนั้น
ดวยประการใดๆ”
พระราชบัญญัติฉบับนี้ไดแกไขเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ใน พ.ศ. 2496 และ 2497 และไดยกเลิก
ทั้ง 3 ฉบับ เมื่อ พ.ศ. 2507 จากการประกาศใชพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ 2507 ในราชกิจจา
นุเบกษาเลม 81 ตอนที่ 38 วันที่ 28 เมษายน 2507 บทบัญญัติมาตรา 6 ไดใหอํานาจในการกําหนดเขต
ที่ดินเปนปาสงวนแหงชาติโดยมีเหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ “เนื่องจากปาไมเปน
ทรัพยากรธรรมชาติที่สําคัญยิ่งของชาติ และรัฐบาลไดกําหนดจุดหมายไวในแผนพัฒนาการเศรษฐกิจ
แหงชาติวา จะสงวนปาไมไวเปนเนื้อที่ประมาณรอยละ 50 แหงเนื้อที่ประเทศไทย คือ เปนเนื้อที่ปาสงวน
รวมประมาณ 250,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 156 ลานไร บัดนี้ ปรากฎวาปาไมที่สงวนคุมครองไวแลว
และที่ยังมิไดสงวนคุมครองไดถูกบุกรุกและถูกทําลายไปเปนจํานวนมาก แมปาไมในบริเวณตนน้ําลําธารก็ถูก
แผวถางเผาทําลายไปเปนอันมาก ซึ่งอาจเปนเหตุใหเกิดความแหงแลง พื้นดินพังทลาย ลําน้ําตื้นเขิน หรือ
เกิดอุทกภัย อันเปนผลเสียหายแกการเกษตรและเศรษฐกิจของประเทศอยางรายแรง ทั้งนี้ เนื่องจาก
กฎหมายวาดวยการคุมครองและสงวนปาที่ใชบังคับอยูมีวิธีการไมรัดกุมเหมาะสมตองเสียเวลาดําเนินการเปน
เวลานานจึงประกาศกําหนดเปนปาสงวนหรือปาคุมครองได เปนเหตุใหบุคคลบางจําพวกฉวยโอกาสทําลายปาได
กวางขวางยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ไดกําหนดโทษผูฝาฝนไวไมเหมาะสมกับกาลสมัย ผูกระทําผิดไมเข็ดหลาบเปน
ชองทางใหมีการบุกรุกทําลายปามากขึ้นรัฐบาลจึงเห็นเปนการจําเปนอันรีบดวนที่จะตองดําเนินการปรับปรุง
กฎหมายเรื่องนี้เสียใหมเพื่อใหสามารถดําเนินการคุมครองปองกัน เพื่อรักษาไวซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอันมีคา
ของชาติ และเพื่อมิใหอาชีพเกษตรกรรมของประชาชนสวนใหญและเศรษฐกิจของประเทศถูกกระทบกระเทือน
จากผลของการทําลายปา” ตั้งแตเริ่มตนจนถึง พ.ศ. 2558 ไดมีการประกาศเขตพื้นที่ปาสงวนแหงชาติรวม 1,220 ปา
เนื้อที่ 143.92 ลานไร (กรมปาไม, 2558: 1)