Page 280 -
P. 280
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3-12
18) กําหนดแนวปฏิบัติงานที่แนนอนชัดเจนเกี่ยวกับการแกไขปญหาการทําลายปาไมใน
รูปแบบตางๆ เชน การทําไรเลื่อนลอย ภัยจากไฟปา การทําลายปาจากชนกลุมนอย การรุกล้ําพื้นที่ปาจาก
เชิงเขา โดยใหมีการกําหนดมาตรการและขั้นตอนที่แนนอนชัดเจน เกี่ยวกับการปราบปรามและการลงโทษ
ผูกระทําผิด รวมทั้งการจัดตั้งศูนยรวมการปราบปรามในแตละภาค และใหมีมาตรการการลงโทษเจาหนาที่
ของรัฐ ผูมีอิทธิพลและผูกระทําผิดไวเปนหลักในการปฏิบัติงานของหนวยราชการและภาคเอกชน
19) กําหนดใหมีสิ่งจูงใจในการสงเสริมการปลูกปาภาคเอกชน
20) กําหนดใหมีการวางแผนทรัพยากรมนุษยและการตั้งถิ่นฐานในทองถิ่น ใหสอดคลอง
กับการใชทรัพยากรและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ”
(3) ความเปนไปไดของนโยบายปาไมแหงชาติ พ.ศ. 2528
หลังจากมีนโยบายปาไมแหงชาติแลว เกษม จันทรแกว (2529: 56-58) ไดวิเคราะหความ
เปนไปไดของนโยบายปาไมแหงชาติไวดังนี้
“นโยบายปาไมทั้ง 20 ขอนั้น มีประเด็นสําคัญที่พอสรุปได 5 ประเด็น คือ
ประเด็นแรก การแบงพื้นที่ที่เปนปาไมและพื้นที่ที่ไมใชปาไม โดยจะตองดําเนินการอยาง
รวดเร็ว ซึ่งในการแบงพื้นที่ทั้งสองประเภทนี้จะตองใชหลักเกณฑและวิธีการที่เหมาะสม โดยเฉพาะการ
กําหนดพื้นที่ปานั้นตองเปนบริเวณที่มีความลาดชันเกินรอยละ 35 (โดยทําการวัดในพื้นที่ที่มีความลาดชัน
ไมนอยกวาหนึ่งกิโลเมตรในแผนที่) อีกทั้งอาจจะใชชนิดปา สภาพความอุดมสมบูรณของปา การกําหนดชั้น
คุณภาพลุมน้ําอยางใดอยางหนึ่งหรือทุกกรณีเขาชวยในการดําเนินงานการกําหนดพื้นที่ดังกลาวนี้ จะไดพื้นที่ปา
อนุรักษและปาเพื่อผลิตไมควบคูกันไปในอัตรารอยละ 15 และ 25 ของพื้นที่ประเทศ (320.7 ลานไร) ตามลําดับ
รวมเปนพื้นที่ปาไมรอยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ ในการกําหนดตัวเลขพื้นที่ปาไมรอยละ 40 นี้มิไดหมายความวา
รัฐบาลจะตองเปนเจาของปาเองรอยละ 40 ทั้งหมด ตามขอเท็จจริงของคณะกรรมการนโยบายปาไมแหงชาติ พ.ศ.
2528 นั้น ตองการใหเปนเอกชน บริษัท หางรานและรัฐวิสาหกิจดวย ดังนั้น รัฐบาลจึงอาจครอบครองปาไมไมถึง
รอยละ 40 อนึ่ง จากการศึกษาของกรมพัฒนาที่ดินในการจําแนกสมรรถนะที่ดินพบวา พื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน
รอยละ 35 จึงมีปริมาณประมาณ 100 ลานไร หรือประมาณรอยละ 31 ของพื้นที่ประเทศ ในกรณีเชนนี้พอจะเห็น
วา พื้นที่ปาไมที่ตองการรอยละ 40 ของพื้นที่ประเทศนั้น คงตองครอบคลุมพื้นที่ที่มีความลาดชันต่ํากวารอยละ
35 ซึ่งนาจะเปนพื้นที่ของปาเอกชนอยางยิ่ง
ประเด็นที่สอง เมื่อพื้นที่ประเทศไดแบงปาไมออกจากพื้นที่ที่มีการใชประโยชนอื่นๆ แลว
นั้น ก็จะไดขนาดและสถานที่ปาไมเปนปาอนุรักษและปาเพื่อผลิตไม งานในประเด็นนี้ก็มีทั้งงานปองกันและ
ปลูกปาเพิ่มเติม เพื่อใหไดพื้นที่ปาไมตามที่กําหนดคือรอยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งการดําเนินงานนี้ ใน
นโยบายปาไมแหงชาติ พ.ศ. 2528 มิไดระบุใหแนชัดวาจะใชเวลากี่ป แตควรจะไมนานเกินไปนัก อยางไรก็ดี
การปองกันและการปลูกปาในพื้นที่เสื่อมโทรมนี้ จะมีสวนตอการใหผลผลิต ใหไมใชสอย ใหของปา และให
การคุมครองทางสิ่งแวดลอมดวย
ประเด็นที่สาม เปนประเด็นเกี่ยวกับการสงเสริมใหเอกชนมีบทบาทในกิจการปาไมทั้งการ
ทําไม ปลูกปา และปองกันรักษาปา โดยเอกชนไดรับประโยชน และรัฐบาลไดพื้นที่ปา ดังไดกลาวไวแตตน
แลววา ลําพังรัฐบาลแตผูเดียวนั้น ไมสามารถรักษาและฟนฟูปาได เอกชนจึงนาจะมีบทบาทใหเกิดผลดีตอ
กิจการปาไมได ในการสงเสริมใหเอกชนมีบทบาทนี้รัฐคงจะตองเตรียมการหลายๆ ประเด็น เชน การ
ปรับปรุงแกไขกฎหมาย จัดหาพื้นที่ ใหสิ่งชดเชยโดยไมตองเสียดอกเบี้ยในการกูเงิน หรือวิธีอื่นๆ ที่มีสวน
ชักจูงใหเอกชนเขามามีสวนในการพัฒนาพื้นที่ปาไมทั้งสิ้น