Page 216 -
P. 216

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                      2-83




                         วันที่ 8 มีนาคม 2548  คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
                  รายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุมครองสัตวปาแหงชาติ  ครั้งที่  1/2548  กรณีราษฎร
                  ตําบลสบปอง อําเภอปางมะผา จังหวัดแมฮองสอน ขอกันพื้นที่ทํากินและที่อยูอาศัยออกจากเขตรักษาพันธุ

                  สัตวปา ปาลุมน้ําปาย จังหวัดแมฮองสอน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ 2548 ณ หองประชุม 202 กระทรวง
                  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ดังนี้
                                1. ใหตรวจสอบหรือพิสูจนวาราษฎรอยูอาศัยและทํากินกอนหรือหลังการประกาศเขต
                  รักษาพันธุสัตวปา ปาลุมน้ําปาย เมื่อป พ.ศ. 2515 โดยใหนําภาพถายทางอากาศป พ.ศ. 2520 ซึ่งใกลเคียง

                  กับการประกาศเขตรักษาพันธุสัตวปา ปาลุมน้ําปาย มากที่สุด มาเปนเกณฑในการตรวจสอบ
                                        1.1 กรณีอยูกอนการประกาศเขตรักษาพันธุสัตวปา ปาลุมน้ําปาย ป พ.ศ. 2515
                  ใหเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาสวนนั้นออก (ตองอยูกอนกฎหมายเทานั้น) เฉพาะที่ใชทําประโยชน

                  จริงกอนป พ.ศ. 2515 และพรอมกับกําหนดใหพื้นที่ที่เพิกถอนเปนปาสงวนแหงชาติ
                                        1.2 กรณีอยูหลังการประกาศเขตรักษาพันธุสัตวปา ปาลุมน้ําปาย ป พ.ศ. 2515
                  หากไมขัดตอพระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 ใหดําเนินการจัดทําหมูบานปาไมแผน
                  ใหม โดยไมตองเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ใหสิทธิ์ตกทอดแกทายาทโดยธรรม ไมสามารถจําหนาย
                  จายโอนได หากไมสามารถดําเนินการได ใหกําหนดพื้นที่ดังกลาวเปนปาสงวนแหงชาติ แลวจึงเพิกถอนพื้นที่

                  เขตรักษาพันธุสัตวปา เพื่อใหกรมปาไมพิจารณาอนุญาตใหใชประโยชนในพื้นที่ปาสงวนแหงชาติตอไป
                                        ทั้งนี้ กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ไดมอบหมายใหสํานักฟนฟูและ
                  พัฒนาพื้นที่อนุรักษ ดําเนินการจัดทําหมูบานปาไมแผนใหม โดยไมตองเพิกถอนเขตรักษาพันธุสัตวปา

                                2. พื้นที่ที่ใชประโยชนในราชการที่อยูในเขตรักษาพันธุสัตวปา ปาลุมน้ําปาย ใหประกาศ
                  เปนปาสงวนแหงชาติ แลวเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาสวนนั้นออก หลังจากนั้นใหกรมปาไมออก
                  หนังสืออนุญาตใหทําประโยชนในพื้นที่ปาสงวนแหงชาติตอไป
                                กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม  พิจารณามติที่ประชุมคณะกรรมการสงวน

                  และคุมครองสัตวปาแหงชาติดังกลาว   สามารถนําไปเปนแนวทางในการแกไขปญหาที่ดินทํากินและที่อยู
                  อาศัย สําหรับการจัดการกับพื้นที่ในเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงอื่น ที่มีลักษณะเดียวกันนี้ได

                             เมื่อวันที่  23 มีนาคม 2548 พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ไดแถลงนโยบายรัฐบาล
                  คณะที่  55  ตอรัฐสภา  รวม  9  ประการ  มีสวนที่เกี่ยวของกับปาไมในนโยบายบริหารจัดการ

                  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ดังนี้
                               “ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของประเทศเปนปจจัยที่สําคัญในการพัฒนา
                  ประเทศ  ซึ่งจะตองมีความสมดุลในการใช  การอนุรักษ  และการทดแทนอยางเหมาะสมเพื่อรักษา

                  ทรัพยสินของประเทศที่มีคานี้ใหเปนสมบัติของคนในรุนตอไป  ดังนั้น  รัฐบาลจะสงเสริมและเรงฟนฟู
                  ความสมบูรณของดินและน้ําสูธรรมชาติ  แกไขปญหาความเสื่อมโทรมและมลภาวะเพื่อคืนสภาพแวดลอมที่ดี
                  ใหกับคนไทย
                               รัฐบาลจะกําหนดวิธีการบริหารจัดการทรัพยากรของรัฐและเอกชนภายใตการมีสวน
                  รวมของเอกชนและชุมชนทองถิ่น ที่ใหมีความสมดุลของการใชประโยชน การถือครอง และการอนุรักษ

                  ฐานทรัพยากร  ที่ดิน  ปาไม  ลุมน้ํา  ทรัพยากรชายฝง การใชภูมิสารสนเทศ การปรับปรุงกฎหมาย
                  และกฎระเบียบ การมีสวนรวมของผูเกี่ยวของใหเกิดประโยชนสูงสุดและการใชทรัพยากรธรรมชาติเพื่อ
                  การพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตอยางยั่งยืน” (สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, 2548: 16)
   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221