Page 40 -
P. 40

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี




                       การวิเคราะหทางจลนพลศาสตร                                                       31




                                                           ] A [ d
                       วิธีที่ 1                      –           =      k [A][B]                 (2.25)
                                                         dt
                       ให [A]  และ [A]  =  ความเขมขนของสาร A ที่จุดเริ่มตน และที่เวลา t ตามลําดับ
                             0
                        [B]  และ [B]  =  ความเขมขนของสาร B ที่จุดเริ่มตน และที่เวลา t ตามลําดับ
                             0
                       จากปฏิกิริยา                    – d[A]     =      – d[B]

                                                     [A]                   [B]
                       อินทิเกรต                   – ∫  d [A]     =      – ∫  d [B]
                                                     [A] 0                [B] 0

                       จะได                       [A] – [A]      =      [B] – [B]
                                                                            0
                                                      0
                                                         [B]      =      [B] – [A] + [A]
                                                                                 0
                                                                            0
                       แทนคา [B] ในสมการ (2.25) และจัดรูปใหมจะได
                                                 d [A]
                                        –                         =      k dt                     (2.26)
                                         [A] ([B] −  [A] + [A] )
                                                      0
                                                0
                       ในการอินทิเกรตเพื่อแกสมการดิฟเฟอเรนเชียล จะตองแยกออกเปนองคประกอบ (partial fraction)

                       ของพจนตางๆ ทางซายมือของสมการ (2.26) กอน แลวจึงอินทิเกรต

                       _____________________________________________________________________
                                                                            1
                       หลักการในการแยกองคประกอบ (partial fraction) ของ             (เมื่อ x เปนตัวแปร และ s,
                                                                       (sx        ) v + x u ( ) t +

                       t, u, v เปนคาคงที่ )


                       1.  แยกพจนที่คูณกันใหเปนพจนที่บวกกัน และมีคาคงที่ p , q , …ที่สมมุติขึ้น (และตองการทราบ

                         คา) คูณแตละพจน เพื่อใหคาทั้งสองขางของสมการเทากัน คือ

                                               1                           p        q
                                                                  =             +
                                         (sx         ) v + x u ( ) t +       t + sx   v + x u
                       2.  นําเทอมดานขวาของสมการมาบวกกัน และจัดหมูของตัวแปรตาง ๆ  คือ

                                               1                                   q + ) v + x u p(  (sx  ) t +
                                                                  =
                                         (sx         ) v + x u ( ) t +      (sx        ) v + x u ( ) t +
                                                                                  + x ) qs + u p (  (pv  ) t q +
                                                                  =
                                                                            (sx        ) v + x u ( ) t +
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45