Page 174 -
P. 174
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
7-9
ใน พ.ศ. 2503 ประมาณว่ามีพื้นที่ที่ได้รับการชลประทาน 9 ล้านไร่ การด้าเนินงานตาม
โครงการชลประทานในระยะหกปีจะช่วยให้มีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานประมาณ 12 ล้าน
ไร่ หรือประมาณร้อยละ 20 ของเนื้อที่เพาะปลูกทั้งสิ้นของประเทศในขณะนี้
อนึ่ง เมื่อการก่อสร้างตามโครงการชลประทานได้ผลบริบูรณ์ และสามารถจ่ายน้้าให้แก่
เกษตรกรโดยทั่วถึงในท้องที่เขตของการชลประทานแล้ว ก็ควรจะได้มีการเก็บค่าน้้าจากเกษตรกรในท้องที่
นั้นๆ เป็นค่าบ้ารุงรักษาอุปกรณ์การชลประทานด้วย จะเป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการบ้ารุงรักษาของ
รัฐบาลได้เป็นอันมาก เพราะค่าใช้จ่ายในการบ้ารุงรักษานับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกที โดยวิธีนี้รัฐบาลจะ
สามารถเจียดจ่ายเงินไปก่อสร้างงานชลประทานให้กว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีกได้” (ส้านักงานสภาพัฒนาการ
เศรษฐกิจแห่งชาติ, 2503: 51–52)
วันที่ 24 มิถุนายน 2504 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จ
พระราชด้าเนินทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก (กรมชลประทาน, 2529: 388)
วันที่ 27 มีนาคม 2505 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้้า พ.ศ. 2505
ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 79 ตอนที่ 29 โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่
พระราชบัญญัติคันนาและคูน้้า พุทธศักราช 2484 ไม่มีผลตามเจตนาที่ตรากฎหมายนั้นขึ้นไว้ เพราะใน
ปัจจุบันนี้การเกษตรกรรมบางท้องที่ ไม่ได้ท้านาอย่างเดียว แต่มีทั้งการท้าไร่ และการท้านา ในทุ่งเดียวกัน
ในเวลาเดียวกัน ฉะนั้นจึงจ้าเป็นที่จะต้องตราพระราชบัญญัติคันและคูน้้าขึ้นใหม่ แทนพระราชบัญญัติคันนา
และคูน้้าที่ยกเลิกไป
วันที่ 19 ธันวาคม 2506 พลเอกถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายของ
รัฐบาล คณะที่ 30 ต่อรัฐสภา มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชลประทาน ดังนี้
“รัฐบาลจะด้าเนินการพัฒนาประเทศในกิจการอันเป็นสาขาที่มีความส้าคัญ คือ
การชลประทาน การทางหลวง การทรัพยากรธรณี การพัฒนาที่ดิน การพลังงาน กับการสหกรณ์ ซึ่งได้มา
รวมและก่อตั้งกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเพื่อให้มีการประสานงาน และควบคุมการตรวจสอบผลงาน โดยมี
ประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะรัฐบาลถือว่าโครงการพัฒนาต่างๆ อันเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจ้าเป็น
ยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น” (ส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2504: 155)
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ระยะที่สอง (พ.ศ. 2507-2509) มีนโยบาย
เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรน้้าในบทที่ 6 การพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ดังนี้
“(3) เพื่อพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นคุณค่าในการเกษตร อันได้แก่เนื้อที่ดิน
ป่าไม้ น้้า และอื่นๆ เพื่อให้น้ามาใช้ให้ได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยแท้จริงและถาวร โดยค้านึงถึงหลักอนุรักษ์
โดยมีแนวทางด้าเนินการ ดังนี้
(1) เร่งสร้างรากฐานเพื่อพัฒนาการเกษตร ได้แก่ การชลประทาน พลังงาน
การขนส่ง และคมนาคม ส้าหรับการชลประทาน ได้แก่ การสร้างเขื่อนเก็บน้้าขนาดใหญ่ขึ้นในภาคเหนือ
คือเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนท่าปลา ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนระบายน้้า ที่แม่น้้าแม่กลอง