Page 25 -
P. 25

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




                      ช่อดอกตัวเมียซึ่งจะพัฒนาเป็นฝัก (ear) นั้นอยู่ประมาณส่วนกลางของล าต้น อาจมี 1 ฝักหรือมากกว่าก็ได้

               ฝักประกอบด้วยก้านฝัก และกาบหุ้มฝัก (husk) ที่ห่อหุ้มช่อดอกแบบspike อยู่ช่อดอกมีดอกย่อยที่เรียกว่า
               spikelet  เกิดเป็นคู่เรียงเป็นแถวอยู่บนแกนซัง (cob) ของฝัก ดอกย่อยแต่ละอันจะมีfloret  2 อันแต่มีเพียงอัน

               เดียวที่รับการผสมเกสรได้  ในfloretแต่ละอันมีรังไข่ (overy) อยู่ภายในและมีก้านเกสรตัวเมีย (style) ยื่นยาว

               ออกมาเพื่อรองรับละอองเกสรเรียกว่าเส้นไหม (silk)  ไหมบริเวณโคนฝักเกิดก่อนไหมในส่วนอื่น แต่ไหมบริเวณ
               กลางฝักจะโผล่พ้นกาบหุ้มฝักก่อน ดังนั้น จึงได้รับการผสมเกสรและติดเมล็ดก่อน ข้าวโพดแต่ละฝักจะมีเมล็ด

               ประมาณ 400 – 1000 เมล็ด
                      ต้นข้าวโพดมีระบบรากเป็นแบบรากฝอย (fibrous adventitious root system) รากที่งอกจากเมล็ดครั้ง

               แรกมี 2 -3 แขนง เป็นพวกรากชั่วคราวหรือ primary root เมื่อเจริญเติบโตได้ระยะหนึ่งแล้วจึงพัฒนาเป็นถาวร

               (adventitious root) ประกอบด้วยรากฝอย (firous root) จ านวนมาก เมื่อเติบโตมากขึ้นเข้าสู่ระยะใกล้ช่วงออก
               ดอกจึงมีรากเกิดขึ้นบริเวณใกล้ผิวดินที่เรียกว่ารากอากาศ (brace root หรือ aerial root) เพื่อช่วยค้ าจุนล าต้น

               และดูดรับอาหารบริเวณผิวดินได้


               หลักการเลือกคัดต้นข้าวโพดที่มีลักษณะดี


                      ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด ขั้นตอนหนึ่งที่ส าคัญคือการเลือกคัดต้นที่ดี ส าหรับการผสมพันธุ์เพื่อการ

               พัฒนาพันธุ์ใหม่ ประสบการณ์และความคุ้นเคยกับการเจริญเติบโตของข้าวโพด ท าให้สามารถชี้ทางได้ว่าควรเลือก
               คัดเอาต้นที่มีลักษณะใดไว้ท าพันธุ์ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรน ามาพิจารณาดังต่อไปนี้

                            คัดเลือกต้นที่มีล าต้นตั้งตรง แข็งแรง และไม่สูงเกินไป (วัดจากระดับพื้นดินถึงปลายช่อดอกตัวผู้

                             ประมาณ 200-250 ซ.ม.)

                            มีระบบรากแข็งแรง ไม่หักล้มงาย อาจใช้วิธีโยกเบาๆ ก็ได้

                            มีใบเขียวสะอาด ไม่มีเชื้อโรค ใบตั้งเป็นมุมแคบกับล าต้น และมีสีเขียวสดยาวนาน จนถึงระยะที่
                             มีฝักติดเมล็ดแก่ ลักษณะดังกล่าวเรียกว่า ลักษณะเขียวคงทน ( stay green)

                            ช่อดอกตัวผู้  ไม่ใหญ่และเล็กเกินไป ควรคัดเลือกต้นที่อับเกสร (anther)  บานร้อยละ50และ

                             ปลดปล่อยละอองเกสรได้ดี ขณะเดียวกันดอกตัวเมีย(ear)ของต้นนั้นมีเส้นไหม(silk)โผล่พ้น
                             เปลือกหุ้มฝักมากพอส าหรับการผสมเกสร การผสมเกสรจะสมบูรณ์และติดเมล็ดมากน้อยขึ้นอยู่

                             กับระยะห่างระหว่างเวลาที่ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียบานพร้อมที่ผสมเกสรได้ ระยะเวลาแตกต่าง

                             ดังกล่าวเรียกว่า anthesis-silk  interval  (ASI)  ต้นที่ดี  ควรมี เอเอสไอแคบ และยิ่งแคบหรือ
                             ต่างกันน้อยยิ่งดี

                            ลักษณะการติดเมล็ดที่ดี นับเป็นผลจากความสมบูรณ์ของการผสมเกสร ฝักที่ดีควรมีเมล็ดเต็มจาก

                             โคนถึงปลายฝัก มีแกนซัง (cob) เล็ก ซึ่งจะท าให้เมล็ดยาว นอกจากนั้น ควรเลือกฝักที่ไม่มีเมล็ด
                             เน่า เสียเนื่องจากเป็นโรคหรือแมลงเจาะกิน







                                                                                                           24
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30