Page 75 -
P. 75
โครงการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
68
สัทวิทยา : การวิเคราะหระบบเสียงในภาษา บทที่ 7 ทฤษฎีสัทวิทยาอัตภาค
ในเมื่อเสียงวรรณยุกตจัดเปนอัตภาค โดยเปนลําดับอนุภาค (sequence of segment) ในชั้นสวน
ของเสียงวรรณยุกต คําวา “suprasegment” ในความหมายเดิม (ซึ่งแสดงความแตกตางระหวางเสียง
วรรณยุกตกับ “segment”) จึงไมมีอีกตอไป (Goldsmith 1976:28)
ในทฤษฎีนี้ อนุภาค (segment) คือหนวยเสียงยอยในระดับต่ําสุด ซึ่งเชื่อมโยงกันในชั้นสวนตางๆ
เพื่ออธิบายเสียงหนึ่งหนวยเสียง (phoneme) ในลักษณะนี้ ทฤษฎีอัตภาคจึงจัดเปนสัทวิทยาเชิงซอน
(multilinear หรือ nonlinear phonology) คือเปนเครือขายเชื่อมโยงระหวางชั้นสวนสัทลักษณตางๆ
แตกตางกับสัทวิทยาเชิงเสน (linear phonology) ซึ่งจัดสัทลักษณตางๆ เปนหนึ่งหนวยใหญสําหรับ
หนวยเสียง (phoneme) แตละหนวยเสียง (phoneme) และจัดลําดับหนวยเสียง (phoneme) เปนลําดับใน
เชิงเสน (linear sequence)
เราพอจะสรุปจุดเดนของทฤษฎีนี้ที่ไดกาวล้ําหนาสัทวิทยาเพิ่มพูน (Generative Phonology)
(จาก Goldsimth 1990:2-3) ดังนี้:
ก. แสดงความสัมพันธระหวางเสียงที่เปนนามธรรม (phonology) และเสียงที่เปนรูปธรรม
(phonetics) ไดชัดเจนกวา
ข. ลดความเปนนามธรรม (abstractness) ของเสียงในระดับลึก (underlying representation)
ค. ตัดความยุงยากของการจัดลําดับกฎการแปรเสียงซึ่งเปนกฎเฉพาะของภาษา (language
specific rule-ordering)
นอกจากนี้ ทฤษฎีอัตภาคยังเชื่อมความสัมพันธอยางใกลชิดระหวาง การวิเคราะหระบบเสียง
(phonological analysis) กับ สรีรสัทศาสตร (speech production) โสตสัทศาสตร (perception) และการรับ
ภาษา (language acquisition) รวมทั้งระบบวากยสัมพันธ (syntax) และระบบคํา (morphology) โดยมอง
ความสัมพันธตางๆ เหลานี้ทั้งในแงมุมปจจุบันและในแงมุมของการพัฒนาภาษา เชิงประวัติ
ทฤษฎีสัทวิทยาอัตภาคจึงเปนทฤษฎีที่เปดศักราชใหมสําหรับสัทวิทยา และจัดเปนทฤษฎี
หนึ่งที่บุกเบิกยุคหลังเอสพีอี (SPE)
7.3 ความสัมพันธกับทฤษฎีสัทวิทยาอื่นๆ ยุคหลังเอสพีอี (SPE)
ทฤษฎีสัทวิทยาที่พัฒนาจากเอสพีอี (SPE) พรอมๆ กันกับทฤษฎีสัทวิทยาอัตภาค และมี
ความสัมพันธกันอยางใกลชิดกับทฤษฎีอัตภาค มีดังนี้:
ทฤษฎีสัทวิทยาระบบโครงสรางการเนนพยางค (Metrical Phonology)
ทฤษฎีพจนสัทวิทยา (Lexical Phonology)
ทฤษฎีเครือขายเชื่อมโยงสัทลักษณ (Geometry of Phonological Representation)
ทฤษฎีเสียงระดับลึก (Underspecification Theory)