Page 34 -
P. 34

ิ
                              ิ
                           ื
                                       ิ
      โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                                          ์
                                                                        ิ
                                                                                          9  9

                                                                                        ่
                        เมื่อสร้าง appressorium เสร็จแล้วจะมีการหลั่งเอนไซม์ต่างๆ ออกมาเพอยอย
                                                                                      ื
                                                                                      ่
                                                                                     ื
                 ผนังเซลล์พชจนถึงส่วนคิวติเคิลของพืช จากนั้น appressorium จะเกาะติดกับผิวพชอย่าง
                          ื
                                    ี
                                                                            ึ
                                                                            ่
                                                ี่
                                                                         ื
                 แน่น ทนทานต่อสารเคมและเอนไซม์ทหลั่งออกมาทั้งโดยเชื้อราและพช ซง appressorium
                            ้
                 จะประกอบดวยไขมัน โพลีแซ็กคาไรด์โปรตีนและมีสีเข้มเนื่องจากมีการสร้างสารเมลานิน
                 ภายใน appressorium มีแรงดันที่มากกว่าแรงดันในล้อรถยนต์ถึง 40 เท่า (Agrios, 2005;
                                                           ี
                 Singh, 2017) แรงดันที่เกิดขึ้นมาจากการสะสมกลเซอรอล (glycerol) ซึ่งการสร้างและ
                         ี
                 สะสมกลเซอรอลนี้มาจากการส่งสัญญาณ  cAMP signaling pathway ท าให้มีการ
                                                         ้
                 เคลื่อนที่ของไขมันและไกลโคเจนมาใช้ในการสราง appressorium ผ่านการควบคุมโดย
                                                            ั
                 K1 MAP จน appressorium เจริญเต็มที่ ด้วยแรงดนภายใน appressorium ที่สูงมากจะ
                 สามารถดันเส้นใยขนาดเล็กที่เรียกว่า appressorial penetration peg ที่สร้างขึ้นใต้ฐาน
                                                            ื
                 ของ appressorium เจาะทะลุชั้นคิวติเคิลของพชได้ (Agrios, 2005; Burchett and
                                                                               ื
                                                            ื
                 Burchett, 2018; Shi et al., 2023; Ray, 2024) เมอเจาะผ่านผนังเซลล์พชแล้วจะมีการ
                                                            ่
                                                                    ่
                 ส่งสาร actin ไปยังส่วนของเส้นใยที่ใช้เจาะผนังเซลล์พชนี้เพือสร้างผนังเซลล์และเส้นใย
                                                               ื
                 อยางรวดเรว ช่วยให้เส้นใยนี้สามารถเจริญทะลุผ่านชั้นคิวติเคิลและชั้นอิพิเดอรมสของพืช
                                                                                  ์
                                                                                    ิ
                   ่
                          ็
                                                  ื่
                                                                  ื
                 ได้ รวมทั้งมีการผลิตเอนไซม์ต่างๆ เพอย่อยผนังเซลล์พชในส่วนที่เป็นคิวติน (cutin)
                 แพคติน (pectin) ของพืช เช่น เอนไซม์คิวติเนส (cutinase) และแพคติน ไซเลส (pectin
                                                      ่
                                                   ้
                                                      ื
                                                                  ุ
                 lyase) การสร้างเส้นใยที่ใช้ในการเจาะเนอเยอพืชจะควบคมโดย MAP kinase pathway
                                                   ื
                 (Fernandez and Orth, 2018; Wilson, 2021; Huckelhoven and Pillen, 2024)


                                         ื
                                              ั
                        การจดจาระหว่างพชอาศยและเชื้อราสาเหตโรคในระยะนี้ปัจจุบันยังไม่ทราบ
                                                              ุ
                 แน่ชัด สันนิษฐานว่าเมื่อเชื้อสัมผัสกับเซลล์พชจะกระตนการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
                                                                 ุ
                                                                 ้
                                                        ื
                 โดยพืชอาศัยจะมีทั้งการหลั่งสารเพื่อยับยั้งการเข้าท าลาย การเจริญของเชื้อและการพัฒนา
                              ื
                 ของโรค เช่น พชจะหลั่งสารในกลุ่มฟนอลิก (phenolic compounds) ไอโซฟลาโวน
                                                  ี
                 (isoflavones) รวมทั้งกรดอะมิโนและน้ าตาลเพื่อยับยั้งการเข้าท าลายของเชื้อราสาเหตุโรค
                 พืช แต่ในขณะเดียวกันสารที่หลั่งออกมาโดยพืชเหล่านี้จะกระตุ้นการท างานของยีนของเชื้อ
                                                 ้
                 ราและช่วยเพมความรุนแรงในการเขาทาลายของเชือ (Fernandez and Orth, 2018;
                                                              ้

                             ิ่
                 Nazarov et al., 2020; Huckelhoven and Schouten, 2024)

                        นอกจากนี้เชื้อจะสร้างสารกระตุ้น (elicitor) เช่น เบต้า-กลูแคน (b-glucans)
                                                                      ื
                 ไคติน (chitin) หรือไคโตซาน (chitosan) ก่อนหรือหลังเจาะเข้าพชอาศัย รวมกบเอนไซม์ที่
                                                                                  ั
                                          ื
                 หลั่งจากเชื้อราสาเหตุโรคพช เช่น เบต้า-กลูคาเนส (b-glucanase) หรือไคติเนส
                                               ื
                 (chitinase) สารเหล่านี้จะชักน าให้พชเกิดความต้านทาน กระตุ้นให้เกิดการป้องกันตัวเอง
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39