Page 6 -
P. 6
ิ
ื
ิ
ิ
ิ
์
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
iv
ในอดีต แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่บางครัวเรือนสามารถยกระดับกลยุทธ์ในการดำรงชีพได้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดช่วงเวลา 8 ปี แต่ก็มีครัวเรือนจำนวนมากที่นอกจากจะไม่สามารถยกระดับกลยุทธ์ของตนเองได้แล้ว
ก็ยังต้องเผชิญกับการถดถอยสู่กลยุทธ์ที่ด้อยลงอย่างต่อเนื่องแม้จะมีเวลาในการปรับตัวมากถึง 8 ปีก็ตาม
ดังนั้นครัวเรือนที่น่าเป็นกังวลมากที่สุดมีอย่างน้อย 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือครัวเรือนในกลุ่มกลยุทธ์การดำรง
ชีพที่ด้อยที่สุดสามอันดับสุดท้ายซึ่งมีรายได้น้อยและแทบไม่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำรงชีพเลย
กลุ่มที่สองคือครัวเรือนที่มีการเลื่อนสู่กลยุทธ์อันดับต่ำลงเมื่อเวลาผ่านไป เพราะครัวเรือนกลุ่มนี้มีโอกาส
มากกว่ากลุ่มอื่นที่จะเผชิญกับการเลื่อนสู่กลยุทธ์ที่ด้อยกว่าเดิมในอดีต
ิ่
โอกาสที่ครัวเรือนจะอยู่ในกลยุทธ์ที่ด้อยที่สุดเพมมากขึ้นหากหัวหน้าครัวเรือนทำเกษตรเป็นอาชีพ
หลัก ที่ดินทำกินไร้เอกสารสิทธิ์ มีการเช่าที่ดินเพื่อทำเกษตร รวมถึงการที่สมาชิกครัวเรือนมีตำแหน่งใน
ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นและตำแหน่งทางสังคมอื่นๆ ขณะที่ระดับการศึกษาสูงสุดของสมาชิกและ
สัดส่วนสมาชิกครัวเรือนที่มีสิทธิประกันสังคมเพมโอกาสของกลยุทธ์ในกลุ่มรายได้ต่ำค่อนไปทางปานกลาง
ิ่
ครัวเรือนมีโอกาสอยู่ในกลุ่มกลยุทธ์รายได้สูงหากมีกรรมสิทธิ์หรือเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน และขนาด
ที่ดินปล่อยเช่าที่มากขึ้น เห็นได้ว่าการมีที่ดินทำกินที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องนั้นมีส่วนสำคัญต่อรูปแบบกล
ยุทธ์การดำรงชีพของครัวเรือน ขณะที่การทำเกษตรเป็นหลักอาจไม่ใช่กลยุทธ์การดำรงชีพที่เหมาะสมอีก
ต่อไป การคาดหวังให้ผู้นำชุมชนทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดรูปแบบกลยุทธ์การดำรง
ชีพที่เหมาะสมให้กับคนในชุมชนก็ไม่น่ามีประสิทธิภาพ เนื่องด้วยผู้นำชุมชนเองกลับมีโอกาสอยู่ในกลุ่ม
ยากจนมากกว่าครัวเรือนอื่นอีกด้วย
เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลื่อนอันดับกลยุทธ์เมื่อเวลาผ่านไป พบว่าการมีเอกสารสิทธิใน
์
ั
ที่ดินทำกินส่งผลบวกต่อโอกาสในการเลื่อนสู่กลยุทธ์อนดับสูงขึ้น เช่นเดียวกับการกู้ยืมโดยอาศัยบุคคลอน
ื่
ค้ำประกันและการใช้เงินกู้เพื่อการเกษตรหรือเพื่อซื้อทรัพย์สินที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ ในทางตรง
ข้าม การกู้ยืมระยะสั้นลดโอกาสการเลื่อนสู่กลยุทธ์อันดับสูง เช่นเดียวกับความผันผวนของรายได้จากการ
ผลิตและราคาผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ การมีหัวหน้าครัวเรือนเป็นเพศหญิงและระดับการศึกษา
สูงสุดของสมาชิกครัวเรือนกลับเป็นปัจจัยลบต่อการเลื่อนกลยุทธ์สูงขึ้น ทั้งๆ ที่ปัจจัยทั้งสองมีส่วนลดความ
น่าจะเป็นของกลยุทธ์ที่ 6 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ด้อยที่สุด และเช่นเดียวกัน สัดส่วนสมาชิกครัวเรือนที่มีสิทธิ
ประกันสังคมเป็นปัจจัยสำคัญต่อรูปแบบกลยุทธ์ในกลุ่มรายได้ปานกลางค่อนมาทางต่ำ แต่ไม่ส่งผลต่อ
โอกาสในการเลื่อนอันดับกลยุทธ์ของครัวเรือน
ข้อเสนอแนะจากผลการศึกษามีอย่างน้อย 4 ประการ
ประการแรก ภาครัฐจำเป็นต้องทบทวนบทบาทของการศึกษาต่อการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่
ของครัวเรือนชนบท แม้ว่าระดับการศึกษาที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ครัวเรือนมีโอกาสอยู่ในกลุ่มกลยุทธ์ที่มีรายได้
ปานกลางค่อนไปทางต่ำ แต่กลับลดโอกาสครัวเรือนในการเลื่อนสู่กลยุทธ์อันดับสูงขึ้น สังเกตได้ว่า
การศึกษาสูงสุดของสมาชิกครัวเรือนอยู่ที่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น เป็นไปได้ว่าสำหรับครัวเรือน
ชนบทแล้ว การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นกว่านี้มีต้นทุนที่สูง ขณะที่ผลตอบแทนหรือรายได้ที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคตนั้นกลับไม่คุ้มค่า หรืออาจยังมองไม่เห็นถึงบทบาทของการศึกษาต่อโอกาสในการสร้างรายได้จาก
หลากหลายช่องท่อง จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐในการยกระดับคุณภาพและการเข้าการศกษาในชนบท
ึ
ประการที่สอง การเพิ่มกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินจำเป็นต้อง
เกิดขึ้นควบคู่กับการพัฒนาผลิตภาพการใช้ที่ดิน เพราะแม้ว่าการทำเกษตรบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์จะลด