Page 7 -
P. 7

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                              iii




                          จากการศึกษาต้นทุนการผลิตในรูปแบบต่างของปลูกกัญชาในประเทศไทย พบว่า ต้นทุนการปลูก

                   กัญชาแบบในร่มแบบแอโรโพรนิกส์มีต้นทุนเฉลี่ย 369.47 บาทต่อกรัมแห้งกัญชา ส่วนต้นทุนปลูกของการ

                   ปลูกแบบในร่มแบบใช้วัสดุดินมีต้นทุนเฉลี่ย 85.42 บาทต่อกรัมแห้งกัญชา ในขณะที่ต้นทุนการปลูกกัญชา

                   สายพันธุ์ต่างประเทศแบบในโรงเรือนมีต้นทุนเฉลี่ย 14.52 บาทต่อกรัมแห้งกัญชา และต้นทุนการปลูก

                   กัญชาสายพันธุ์ไทยในโรงเรือนแบบตาข่ายมีต้นทุนเฉลี่ย 19.62 บาทต่อกรัมแห้ง ส่วนต้นทุนการปลูกใน

                   โรงเรือนแบบ EVAP มีต้นทุนเฉลี่ย 23.47 บาทต่อกรัมแห้ง ซึ่งจากการศึกษา พบว่า การปลูกแบบในร่มจะ

                   มีต้นทุนคงที่สูงกว่าแบบในโรงเรือนเนื่องจากต้องมีการลงทุนในด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบแสงและระบบ

                   ปรับอากาศ ในขณะทีการปลูกแบบในโรงเรือนแม้ว่าจะมีต้นทุนคงที่ต่ ากว่า แต่การควบคุมสภาพแวดล้อม

                   จะท าได้ยากกว่า จึงจ าเป็นต้องใช้ทักษะองค์ความรู้ของผู้ปลูกค่อนข้างมาก เมื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าการ

                   ลงทุนของการปลูกแบบในร่มแบบระบบแอโรโพรนิกส์ พบว่า ไม่คุ้มค่าการลงทุนโดยมีค่า NPV เท่ากับ

                   -101,898,514 และค่า B/C ratio เท่ากับ 0.36 ในขณะที่การปลูกแบบในร่มแบบใช้วัสดุดินมีค่า NPV

                   เท่ากับ -3,857,295.05 และค่า B/C ratio เท่ากับ 0.7 ซึ่งไม่คุ้มค่าการลงทุน แต่เมื่อวิเคราะห์ความ


                   อ่อนไหวพบว่าหากสามารถเพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้นได้จะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ส่วนการลงทุนการปลูก
                   กัญชาแบบสายพันธุ์ต่างประเทศโดยเป็นการปลูกแบบโรงเรือนพบว่ามีค่า NPV เท่ากับ 24,704,141 และ


                   ค่า B/C ratio เท่ากับ 5.21 ซึ่งมีความคุ้มค่าการลงทุน ในขณะที่การวิเคราะห์การลงทุนการปลูกกัญชา
                   สายพันธุ์ไทยในโรงเรือนแบบ EVAP พบว่ามีค่า NPV เท่ากับ 45,478,663 และค่า B/C ratio เท่ากับ


                   11.35 เช่นเดียวกับการลงทุนปลูกกัญชาสายพันธุ์ไทยแบบโรงเรือนตาข่ายพบว่ามีค่า NPV เท่ากับ
                   46,310,125 และค่า B/C ratio เท่ากับ 14 ซึ่งมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนทั้ง 2 กรณี


                          ส าหรับการประเมินความต้องการยากัญชาของประเทศไทย พบว่า กัญชาเป็นพืชที่สามารถ
                   น ามาใช้เป็นส่วนผสมเป็นยาเพื่อรักษาโรคได้หลายประเภททั้งยาส าหรับแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผน


                   ไทย และน้ ามันกัญชาต ารับชาวบ้าน โดยยาแต่ละชนิดมีกัญชาผสมอยู่ในสัดส่วนที่แตกต่างกันตามสูตรยาที่
                   มีส่วนผสมกัญชาแผนปัจจุบันสามารถน าไปรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ผู้ป่วยลมชัก และผู้ป่วยโรค


                   ปลอกประสาทอักเสบ ในขณะที่ยาแผนไทยมีทั้งหมด 16 ต ารับรักษาอาการต่างกันตามแต่ละต ารับ และ

                   น้ ามันกัญชาต ารับชาวบ้านถูกพัฒนาโดยอาจารย์เดชา จากการประเมินตลาดกัญชาแพทย์แผนปัจจุบันที่มี

                   การขึ้นทะเบียนประเทศตามแต่ละสถานการณ์ปริมาณการใช้กัญชา พบว่า มีขนาดตลาดกัญชาในปี 2563

                   ประมาณต่ าสุดที่เป็นไปได้ประมาณ 101.36 และสูงสุดที่เป็นไปได้ประมาณ 2,135.74 ล้านบาท และมี

                   ความต้องการกัญชาต่ าสุดที่เป็นไปได้ประมาณ 662,474.59 กรัม และสูงสุดที่เป็นไปได้ประมาณ

                   2,199,703.68 กรัม และในปี 2568 คาดว่าตลาดกัญชาจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 381.49 ถึง 8,038.47 ล้าน
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12