Page 240 -
P. 240
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3. องค์ประกอบของผลผลิต
การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี ให้น้ำหนักผลไม่แตกต่างกันทางสถิติทั้ง 2 ฤดูกาลผลิต โดยการใส่ปุ๋ยตามค่า
วิเคราะห์ดินและพืชมีแนวโน้มให้น้ำหนักผลสูงสุดในฤดูกาลผลิต 2561 คือ 3.36 กิโลกรัมต่อผล รองลงมาคือการใส่ปุ๋ย
ตามที่เกษตรกรปฏิบัติ มีน้ำหนักผล 2.85 กิโลกรัมต่อผล และการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีน้ำหนักผล
ต่ำสุด 2.28 กิโลกรัมต่อผล ในฤดูกาลผลิต 2562 การใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมีแนวโน้มให้น้ำหนักผลสูงสุด
รองลงมาคือการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืช ขณะที่การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินยังคงให้น้ำหนัก
ผลต่ำสุด (ตารางที่ 3 และ 4)
จากการประเมินองค์ประกอบของผลผลิต พบว่า ในฤดูกาลผลิต 2561 การใส่ปุ๋ยกรรมวิธีต่างๆ ให้
น้ำหนักเปลือกของผลทุเรียนความแตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชมีน้ำหนักเปลือก
สูงสุด 2,148.22 กรัมต่อผล รองลงมาคือการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมีน้ำหนักเปลือก 1,901.00 กรัมต่อผล ส่วน
การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีน้ำหนักเปลือกต่ำสุด 1,342.11 กรัมต่อผล ส่วนน้ำหนักเนื้อ เมล็ดและขั้ว
ผลพบว่าไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ สำหรับฤดูกาลผลิต 2562 การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี มีองค์ประกอบของผลผลิต
ได้แก่ น้ำหนักเปลือก เนื้อ เมล็ดและขั้วผล ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (ตารางที่ 3 และ 4)
4. ปริมาณผลผลิต
การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี ให้ปริมาณผลผลิตแตกต่างกันทางสถิติ ในฤดูกาลผลิต 2561 การใส่ปุ๋ยตามค่า
วิเคราะห์ดินและพืชมีปริมาณผลผลิตสูงที่สุด 177.55 กิโลกรัมต่อต้น รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมี
ปริมาณผลผลิต 143.11 กิโลกรัมต่อต้น ส่วนการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีปริมาณผลผลิตต่ำสุด
101.60 กิโลกรัมต่อต้น ในฤดูกาลผลิต 2562 การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชและการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกร
ปฏิบัติมีปริมาณผลผลิตเพิ่มจากฤดูกาลผลิต 2561 ขณะที่การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีปริมาณ
ผลผลิตลดลง โดยการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชยังคงมีปริมาณผลผลิตสูงสุด 195.42 กิโลกรัมต่อต้น รองลงมา
คือ การใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติ 163.38 กิโลกรัมต่อต้น และการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีปริมาณ
ผลผลิตต่ำสุด 93.30 กิโลกรัมต่อต้น (ตารางที่ 3 และ 4)
5. คุณภาพผลผลิต
การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี ให้คุณภาพผลผลิต ได้แก่ สัดส่วนที่บริโภคได้และความหนาเนื้อ ไม่แตกต่างกัน
ทางสถิติ ในฤดูกาลผลิต 2561 และ 2562 การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีแนวโน้มให้สัดส่วนที่บริโภค
ได้สูงกว่าการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติและการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืช ในส่วนของความหนาเนื้อ พบว่า
ในฤดูกาลผลิต 2561 การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีแนวโน้มให้ความหนาเนื้อสูงสุด 21.82 มิลลิเมตร
รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชและการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมีความหนาเนื้อ 19.75 และ
18.30 มิลลิเมตร ตามลำดับ (ตารางที่ 3) ส่วนในฤดูการผลิต 2562 การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชมีแนวโน้มให้
ความหนาเนื้อสูงสุด รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินและการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมี
ความหนาเนื้อ 17.75 17.17 และ 17.00 มิลลิเมตร ตามลำดับ สำหรับปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ (TSS) พบว่า ใน
ฤดูกาลผลิต 2561 การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี มีปริมาณ TSS แตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมี
o
ปริมาณ TSS สูงสุด 22.07 Brix รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชและการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของ
ลักษณะเนื้อดิน มีปริมาณ TSS 21.23 และ 18.70 ตามลำดับ ขณะที่ฤดูการผลิต 2562 การใส่ปุ๋ยทั้ง 3 กรรมวิธี มี
ปริมาณ TSS ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (ตารางที่ 3 และ 4)
6. ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
การใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดินมีค่าใช้จ่ายปุ๋ยน้อยที่สุดทั้ง 2 ฤดูกาลผลิต รองลงมาคือ การ
ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืช ขณะที่การใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติมีค่าใช้จ่ายปุ๋ยสูงที่สุด แต่เมื่อพิจารณา
ผลตอบแทนที่ได้รับ พบว่า การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ในฤดูกาลผลิต 2561 ให้
ผลตอบแทน 13,121.22 และฤดูกาลผลิต 2562 ให้ผลตอบแทน 15,092.07 บาทต่อต้น รวมทั้งให้ปริมาณผลผลิตสูง
กว่าการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรปฏิบัติและการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของลักษณะเนื้อดิน จากการทดลองนี้กล่าวได้ว่าการ
232