Page 80 -
P. 80
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
90 Thai J. For. 35 (1) : 86-97 (2016)
และ 0.75 ตามล�าดับ มีอาชีพรองคิดเป็นร้อยละ 58.33 ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคมร้อยละ 60.61 เป็น
โดยประกอบอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 33.33 รองลงมา สมาชิกกลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มเกษตรกร
ประกอบอาชีพท�านา ร้อยละ 13.64 และประกอบอาชีพ และกลุ่มออมทรัพย์ คิดเป็น ร้อยละ 44.70, 6.06, 5.30
ท�าไร่ ค้าขาย จ�านวนเท่ากันคิดเป็นร้อยละ 3.79 แม่บ้าน และ 4.55 ตามล�าดับและไม่เป็นสมาชิกทางสังคม ร้อยละ
ร้อยละ 3.03 และประกอบอาชีพ ท�าสวน ร้อยละ 0.75 39.39 ราษฎรกลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่เคยเข้าร่วม
และไม่มีอาชีพรองร้อยละ 41.67 ส่วนใหญ่มีจ�านวน กิจกรรมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ คิดเป็น ร้อยละ
แรงงานในครัวเรือนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มากที่สุด คิดเป็น 77.27 โดยเข้าร่วมกิจกรรมการปลูกสร้างสวนป่า เข้า
ร้อยละ 65.91 รองลงมามีจ�านวนแรงงานในครัวเรือน ร่วมกิจกรรมการป้องกันรักษาป่าไม้ เข้าร่วมกิจกรรม
2 คน ร้อยละ 27.27 และน้อยที่สุดมีจ�านวนแรงงานใน การอนุรักษ์สัตว์น�้าและสัตว์ป่าและเข้าร่วมกิจกรรม
ครัวเรือน 1 คน ร้อยละ 6.82 โดยมีจ�านวนแรงงานใน การป้องกันไฟป่าคิดเป็น ร้อยละ 55.30, 11.36, 6.06
ครัวเรือนเฉลี่ย 3.40 คน สูงสุด 15 คน และต�่าสุด 1 คน และ 4.55 ตามล�าดับ และไม่เข้าร่วมกิจกรรมในการ
ส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการตั้งถิ่นฐานของครัวเรือน
อยู่ในช่วง 11-20 ปี ร้อยละ 56.06 รองลงมาระยะเวลา อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ คิดเป็น ร้อยละ 22.73 ราษฎร
ในการตั้งถิ่นฐานของครัวเรือนมากกว่า 20 ปี ร้อยละ กลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับการเข้ารับการ
31.82 และน้อยที่สุดมีระยะเวลาในการตั้งถิ่นฐานของ ฝึกอบรมมีถึงร้อยละ 83.33 และได้รับการฝึกอบรมมี
ครัวเรือน อยู่ในช่วง 1-10 ปี ร้อยละ 12.12 โดยราษฎร เพียงร้อยละ 16.67 หลักสูตรที่ได้รับการเข้ารับการฝึก
กลุ่มตัวอย่างมีระยะเวลาในการตั้งถิ่นฐานของครัวเรือน อบรมได้แก่ หลักสูตรการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ มี
เฉลี่ย 27.45 ปี สูงสุด 77 ปี และต�่าที่สุด 2 ปี มีที่ดินเป็น มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 10.61 รองลงมาหลักสูตรการ
ของตัวเองร้อยละ 71.97 และไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ป้องกันไฟป่า และหลักสูตรการปลูกสร้างสวนป่า คิด
ร้อยละ 28.03 โดยผู้ที่มีที่ดินจะถือครองที่ดิน น้อยกว่า เป็นร้อยละ 3.79 และ 2.27 ตามล�าดับ
5 ไร่ ร้อยละ 47.73 และมากกว่าหรือเท่ากับ 5 ไร่ ร้อยละ กำรรับรู้ ข้อมูลข่ำวสำรและควำมรู้ในกำรอนุรักษ์
24.24 ขนาดที่ดินที่ถือครองสูงสุด 56 ไร่ และเฉลี่ย ทรัพยำกรป่ำไม้ของรำษฎรกลุ่มตัวอย่ำง
9.30 ไร่ มีรายได้จากการประกอบอาชีพรวมของ การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร พบว่าราษฎรส่วนใหญ่
ครัวเรือนต่อปี 50,001-100,000 บาท คิดเป็นร้อยละ ได้รับข้อมูลข่าวสารคิดเป็นร้อยละ 83.33 โดยราษฎร
34.09 รองลงมา มีรายได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50,000
บาท 150,001-200,000 บาท มากกว่า 200,000 บาท และ ส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากก�านัน/ผู้ใหญ่บ้าน
มีรายได้ 100,001-150,000 บาท คิดเป็น ร้อยละ 24.24, คิดเป็นร้อยละ 62.88 จากโทรทัศน์และจากหอกระจาย
15.91, 13.64 และ 12.12 ตามล�าดับ โดยมีรายได้รวมของ ข่าวคิดเป็นร้อยละ 14.39 และ 6.06 ตามล�าดับและไม่ได้
ครัวเรือนต่อปีเฉลี่ย 126,757.60 บาท ต�่าสุด 15,000 บาท รับข่าวสารด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้มีเพียงร้อยละ
และสูงสุด 500,000 บาท มีรายจ่ายรวมของครัวเรือนต่อปี 16.67 ส�าหรับความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้พบว่า
น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 49.24 ราษฎรกลุ่มตัวอย่างตอบค�าถามถูกได้คะแนนน้อยที่สุด
รองลงมา มีรายจ่าย 50,001-100,000 บาท มีรายจ่าย 2 คะแนน มากที่สุด 11 คะแนน และมีคะแนนเฉลี่ย
100,001-150,000 บาท และมีรายจ่ายมากกว่า 150,000 8.72 คะแนน มีการแบ่งระดับความรู้ออกเป็น 2 ระดับ
บาท คิดเป็นร้อยละ 31.06, 12.12 และ 7.58 ตามล�าดับ คือ ระดับสูง และระดับต�่า พบว่าราษฎรกลุ่มตัวอย่างมี
โดยมีรายจ่ายรวมของครัวเรือนต่อปีเฉลี่ย 77,572.73 ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อยู่ในระดับ
บาท ต�่าสุด 5,000 บาท และสูงสุด 400,000 บาท ราษฎร สูง คิดเป็นร้อยละ 76.52 และอยู่ในระดับต�่าร้อยละ 23.48