Page 257 -
P. 257

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

                                                                                               253



              การศึกษาต่างกันมีบทบาทในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้  เพราะราษฎรทุกคนต้องใช้ประโยชน์จากป่าไม้ในพื้นที่
              ในพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ แตก  เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์โดยตรง รวมถึง
              ต่างกันอย่างไม่มีนัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05  (F =   รับรู้สถานการณ์ของพื้นที่ป่าต้นน�้าล�าธาร และค�านึงถึง
              1.372; p-value = 0.251)ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้ง  ผลประโยชน์ที่ตนและชุมชนจะได้รับ จึงท�าให้เข้าไป
              ไว้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะถึงแม้ราษฎรจะมีระดับการศึกษา  มีบทบาทในกิจกรรมเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ใน
              ที่ต่างกัน แต่ด้วยประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูทรัพยากร  พื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงไม่

              ป่าไม้ในพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์  แตกต่างกันในเรื่องของการมีบทบาทเข้าร่วมกิจกรรม
              ที่ผ่านมา จึงท�าให้มีความเข้าใจถึงทรัพยากรธรรมชาติ   ระหว่างกลุ่มราษฎรมีอาชีพหลักที่ต่างกัน
              และสภาพแวดล้อมและของชุมชนเป็นอย่างดี                สมมติฐานที่ 6 ราษฎรที่มีอาชีพรองและไม่มี
                     สมมติฐานที่ 4  การเป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคม  อาชีพรอง มีบทบาทในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่
              กับการไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคมของราษฎรมี  เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ แตกต่างกัน
              บทบาทในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เสี่ยงภัย  จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอาชีพ
              ลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ แตกต่างกัน จากการ  รองในภาคเกษตรกรรม กลุ่มตัวอย่างที่มีอาชีพรองนอก

              ทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นสมาชิก  ภาคเกษตรกรรม และกลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีอาชีพรอง มี
              กลุ่มทางสังคม และกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้เป็นสมาชิก  ค่าเฉลี่ยของบทบาทภาพรวมทุกด้าน เท่ากับ 3.05, 3.00
              กลุ่มทางสังคม  มีค่าเฉลี่ยบทบาทในการฟื้นฟูสภาพ  และ 2.96 คะแนน ตามล�าดับ เมื่อทดสอบสมมติฐาน
              ป่าในพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์   โดยใช้ค่าสถิติ F–test  พบว่า กลุ่มราษฎรตัวอย่างที่มี
              เท่ากับ 3.03 และ2.97 คะแนนตามล�าดับ เมื่อทดสอบ
              สมมติฐานโดยใช้ค่าสถิติ t–test พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่  อาชีพรองกับไม่มีอาชีพรองต่างกัน มีบทบาทภาพรวม
              เป็นสมาชิกกลุ่ม และไม่เป็นสมาชิกกลุ่ม มีบทบาทใน  ทุกด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ
              การฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน   0.05 (F = 1.938; p-value = 0.146) ซึ่งไม่เป็นไปตาม
              จังหวัดเพชรบูรณ์ บทบาทภาพรวมทุกด้าน  แตกต่างกัน  สมมติฐานที่ตั้งไว้

              อย่างไม่มีนัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ( t = -1.550;      สมมติฐานที่ 7 รายได้รวมของครัวเรือนของ
              p-value  = 0.122) ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้   ราษฎรต่างกัน มีบทบาทการการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้
                     สมมติฐานที่ 5 ราษฎรที่มีอาชีพหลักต่างกัน   ในพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์
              มีบทบาทในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เสี่ยงภัย  แตกต่างกัน จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่ม
              ลุ่มน�้าก้อ-น�้าชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ แตกต่างกัน จากการ  ตัวอย่างที่มีรายได้รวมครัวเรือนมากกว่า 100,000 ขึ้นไป
              ทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างอาชีพหลักในการ  กลุ่มราษฎรที่มีรายได้รวมของครัวเรือนในช่วง 50,000–
              รับจ้างทั่วไป กลุ่มที่มีอาชีพหลักในภาคภาคเกษตรกรรม   100,000 บาท และกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้รวมของครัวเรือน

              และกลุ่มราษฎรอาชีพหลักในการท�าธุรกิจส่วนตัวและ  น้อยกว่า 50,000 บาท มีค่าเฉลี่ยบทบาทภาพรวมทุกด้าน
              อื่นๆ มีค่าเฉลี่ยบทบาทภาพรวมทุกด้าน เท่ากับ 2.98, 3.09   เท่ากับ 3.04, 3.02 และ2.97 คะแนน ตามล�าดับ เมื่อ
              และ 2.99 คะแนน ตามล�าดับ  เมื่อทดสอบสมมติฐานโดยใช้  ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ค่าสถิติ F–test พบว่า กลุ่ม
              ค่าสถิติ F–test พบว่า กลุ่มราษฎรที่มีอาชีพหลักแตกต่าง  ตัวอย่างที่มีการมีรายได้รวมของครัวเรือนที่แตกต่าง
              กัน มีบทบาทภาพรวมทุกด้านแตกต่างกันอย่างไม่มี  กัน มีบทบาทภาพรวมทุกด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มี
              นัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (F = 1.877; p-value =   นัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (F = 1.094; p-value  =
              0.155) ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเป็น  0.336) ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
   252   253   254   255   256   257   258   259   260   261   262