Page 58 -
P. 58

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


           52     วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์



           2.บริบทสงครามเย็นและวาทกรรมการพัฒนากับแนวคิดเสรีนิยมใหม่
                    ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่ากรณีถังแดงเกิดขึ้นได้ภายใต้บริบทสงครามเย็น  บริบท
           สงครามเย็นยังทำให้สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทสนับสนุนรัฐบาลไทย  เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีนโยบาย
           สกัดกันการคุกคามของคอมมิวนิสต์ด้วยแผนด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ  ทางด้านเศรษฐกิจดำเนิน

           การผ่านการสนับสนุนวาทกรรมการพัฒนาด้วยมีเป้าหมายเพื่อลดปัญหาความยากจนเป็นการลดฐาน
           สนับสนุนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์พร้อมกัน  สหรัฐอเมริกาเชื่อว่าถ้าความยากจนหมดไปประเทศนั้น
           จะไม่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ (กนิษฐา ชิตช่าง, 2556, 62) นอกจากนี้สงครามเย็นยังทำให้เกิดการแข่งขัน
           ระหว่างเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีกับสังคมนิยม  โดยสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนเศรษฐกิจทุนนิยมได้รับเอา

           แนวคิดเสรีนิยมใหม่อันเป็นแนวคิดที่ต้องการให้เศรษฐกิจถูกควบคุมโดยพลังตลาด  ดังนั้น  แนวคิดนี้จึง
           สนับสนุนการเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน  ลดข้อจำกัดและกฎระเบียบของรัฐ  แปรรูปกิจการของรัฐให้
           เป็นเอกชน  ขณะเดียวกันแนวคิดนี้สนับสนุนให้เพิ่มสิทธิในทรัพย์สินของเอกชนให้มั่นคงปลอดภัยขึ้น
           (เสน่ห์ จามริก, 2549: 172, 175) ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงสนับสนุนประเทศไทยให้มีการพัฒนาเพื่อรับมือ

           กับการขยายอิทธิพลของฝ่ายคอมมิวนิสต์ด้วยแนวทางเสรีนิยมใหม่นี้  ถึงแม้รัฐบาลเริ่มใช้แนวทางการ
           พัฒนามากขึ้นในจังหวัดพัทลุง  แต่รัฐบาลไทยยังคงใช้กำลังปราบปรามนำการพัฒนาจนกระทั่งรัฐบาลหัน
           มาใช้นโยบายการเมืองนำการทหารเพื่อแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์  ดังนั้นการพัฒนาตามแนวทางที่สหรัฐ
           อเมริกาชี้นำได้ก่อให้เกิดการเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์และโฉนดที่ดินในเวลาต่อมา

                    รัฐเริ่มเร่งพัฒนาชนบทในจังหวัดพัทลุงตามแนวคิด  “วาทกรรมการพัฒนา”  ตั้งแต่ใน  พ.ศ.
           2515  ด้วยการประกาศเขตการเร่งรัดพัฒนาชนบทในจังหวัดพัทลุงเริ่มตั้งแต่  พ.ศ.  2516  (สำนัก
           เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, 2515) แต่รัฐยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาภัยคอมมิวนิสต์ ถึงแม้รัฐ
           พยายามเพิ่มการพัฒนาเพื่อดึงมวลชนแต่รัฐยังไม่ได้มีนโยบายอื่นๆแทนการใช้กำลังทหารปราบปราม

           ดังนั้น กล่าวได้ว่ารัฐบาลยังคงเน้นการปราบปรามนำการพัฒนาจนกระทั่งใน พ.ศ. 2523 เมื่อประเทศไทย
           เข้าสู่ ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เริ่มมีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนเริ่มมีเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น
           เนื่องจากรัฐบาลไทยได้รับแนวคิดจากสหประชาชาติเรื่อง  “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม”  จากนั้นฝ่าย
           ทหารได้หารือกับอดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่มอบตัวตามโครงการของแผนการุณย

           เทพซึ่งเป็นแผนทางจิตวิทยาที่เกลี้ยกล่อมให้สมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ออกมามอบตัวกับรัฐบาล
           (พลเอกสายหยุด เกิดผล, อ้างแล้ว: 278 - 286) ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
           ได้เริ่มนโยบายการเมืองนำการทหาร  ตามประกาศที่  66/23  เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าควรใช้หลัก
           ประชาธิปไตยในการแก้ปัญหามากกว่าการใช้กำลังทหาร (กนิษฐา ชิตช่าง, อ้างแล้ว: 84 - 85) รวมถึงการ

           ใช้แผนใต้ร่มเย็นในพื้นที่ภาคใต้เพื่อจัดการกับคอมมิวนิสต์  โดยเข้าถึงชาวบ้านด้วยวิธีต่างๆ  ตั้งแต่  การ
           ลงโทษหรือย้ายข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ  การตั้งหน่วยสันตินิมิต  การตั้งไทยอาสาป้องกันชาติ  การตั้ง
           หมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง เป็นต้น จากนั้นทหารจึงค่อยดำเนินการปรามปราบโจมตีฐานที่มั่นของ
           พรรคคอมมิวนิสต์โดยตรงในภายหลัง  (หาญ  ลีนานนท์,  2527)  นโยบายการเมืองนำการทหารทำให้

           รัฐบาลเน้นการใช้พัฒนาด้านเศรษฐกิจมากกว่าการใช้กำลังปราบปราม ดังนั้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา
           การพัฒนาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจนำการใช้กำลัง  กลายเป็นแผนใหม่ในการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63