Page 18 -
P. 18
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปที่ 19 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2555) 7
1
ลักษณะทางภาษาที่บงชี้การเวนระยะหางจากผูฟงหรือผูอาน
ผลการวิเคราะหหาลักษณะทางภาษาที่ทําใหภาษากฎหมาย ภาษา
การเมือง ภาษาสื่อ และภาษาวิชาการของไทยมีลักษณะเวนระยะหางจากผูฟงหรือ
ผูอาน หรือมีลักษณะสนิทสนม พบตัวบงชี้ 3 ประเภทใหญๆ ไดแก 1) คําสรรพนาม
2) นามวลีแปลง และ 3) ประโยคกรรมวาจก การปรากฏของคําสรรพนามทําให
ทําเนียบภาษานั้นๆ มีความสนิทสนมกับผูฟงหรือผูอาน ในขณะที่การปรากฏของ
นามวลีแปลงและประโยคกรรมวาจกทําใหทําเนียบภาษานั้นๆ มีลักษณะเวน
ระยะหางจากผูฟงหรือผูอาน
1. คําสรรพนาม
ตัวบงชี้ประเภทแรกที่จะกลาวถึงในที่นี้คือคําสรรพนาม การใชคําสรรพนาม
บุรุษที่ 1 เชน ผม, ดิฉัน, เรา เพื่อแทนตัวผูพูดหรือผูเขียน และการใชคําสรรพนาม
บุรุษที่ 2 เชน คุณ, ทาน เพื่อแทนตัวผูฟงหรือผูอาน เปนลักษณะทางภาษาที่ทําให
ทําเนียบภาษานั้นๆ มีลักษณะใกลชิดสนิทสนมกับผูฟงหรือผูอาน มากกวาทําเนียบ
ภาษาที่ไมใช ผลการวิเคราะหพบวามีการปรากฏของคําสรรพนามใน 2 ทําเนียบ
ภาษาเทานั้น คือภาษาการเมืองและภาษาสื่อ สวนในภาษากฎหมายและในภาษา
วิชาการนั้น ผูวิจัยไมพบทั้งคําสรรพนามบุรุษที่ 1 และคําสรรพนามบุรุษที่ 2
ผลการวิเคราะหทําเนียบภาษาการเมืองพบวา มีการปรากฏของคําสรรพนาม
บุรุษที่ 1 ทั้งหมด 4 คํา ไดแก ผม, ดิฉัน, เรา และ พวกเรา โดยคําวา ผม และ ดิฉัน
แทนตัวผูพูดซึ่งเปนนายกรัฐมนตรีผูกลาวคําแถลงการณตางๆ คําวา เรา อาจใช
แทนพรรคการเมืองหรือรัฐบาล เชนในประโยคตัวอยางที่ (5) – (6) หรือใชเพื่อหมาย
รวมถึงทั้งผูพูดและผูฟงก็ได เชนในประโยคตัวอยางที่ (7) – (8) การใชคําวา เรา
เพื่อแทนทั้งนักการเมืองซึ่งเปนผูพูดและแทนผูฟง ทําใหทําเนียบภาษาการเมืองมี
ลักษณะสนิทสนมกับผูฟงมากขึ้น สวนคําวา พวกเรา ใชในกรณีเดียวคือใชแทน
รัฐบาลซึ่งมีผูพูดเปนตัวแทน สําหรับคําสรรพนามบุรุษที่ 2 ซึ่งแทนตัวผูฟง พบ
เพียงคําเดียว คือคําวา ทาน
1
ในบทความนี้ใชวา “การเวนระยะหางจากผูฟงหรือผูอาน” เพื่อใหครอบคลุม
ขอมูลทุกทําเนียบภาษา