Page 179 -
P. 179

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์





              พ่อตากับลูกเขยในสังคมไทย ซึ่งสื่อว่าพ่อตามักหวงลูกสาวหรือกีดกันความรักของชายหนุ่ม และกรณีของ

              เมียยักษ์ที่สื่อถึงความสัมพันธ์ของภรรยากับสามี คือเมียน้อยหรือแม่เลี้ยง (เป็นยักษ์กับลูกเลี้ยง) และอาจ
              ตีความถึงหญิงที่ตอนแรกแสร้งว่ามีกิริยางดงามแต่เมื่อโกรธก็เปลี่ยนเป็นโหดร้าย หรือหญิงที่หลงอยู่ในตัณหา

              ราคะ ไม่มียางอาย และเข้าหาผู้ชายก่อนนั่นเอง ปรียารัตน์สรุปในตอนท้ายว่าอนุภาคต่างๆ ที่พบในนิทาน
              ไทยเหล่านี้สื่อถึงการระบายความกดดันหรืออัดอั้นตันใจทั้งยังมีลักษณะสากลเช่นเดียวกับคนทั่วโลกอีกด้วย


                       นอกจากข้อมูลที่เป็นนิทานแล้วก็ยังมีการน�าทฤษฎีจิตวิเคราะห์นี้ไปใช้ในการวิจารณ์วรรณคดี
              ไทย อย่างวิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต แผนกวิชาภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา

              2514 เรื่อง พระอภัยมณี: การศึกษาในเชิงวรรณคดีวิจารณ์ ของสุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ (2549) ในหัวข้อ
              แก่นเรื่องพระอภัยมณีที่ว่าด้วยความว้าเหว่และการขาดความอบอุ่นภายในครอบครัว และความขัดแย้งและ

              การต่อสู้ระหว่างพ่อแม่กับลูก  โดยการน�าทฤษฎีวรรณคดีวิจารณ์แนวจิตวิทยาเกี่ยวกับจิตไร้ส�านึกมาเป็น
              กรอบความคิดเพื่ออธิบายที่มาและลักษณะของแก่นเรื่องเรื่องพระอภัยมณี  ผู้เขียนกล่าวว่าปมเอดิปัสและ

              ปมอิเลคตราเป็นสิ่งที่ใช้อธิบายแก่นเรื่องได้  เนื่องจากตัวละครเอกเกือบทุกตัวต้องประสบกับภาวะ
              การพลัดพรากจากพ่อแม่พี่น้องจนแสดงพฤติกรรมต่างๆ  ออกมา  นอกจากนี้ยังพบว่าวรรณคดีไทยมีโครง

              เรื่องที่ลูกขัดแย้งกับพ่อแม่หรือต่อสู้กับพ่อแม่ จนบางครั้งพ่อแม่เสียชีวิต แม้จะเปลี่ยนให้เป็นพ่อแม่บุญธรรม
              หรือเป็นยักษ์  แต่ก็สะท้อนความต้องการเป็นอิสระของเด็กจากบิดามารดาของตน  จนถึงขั้นขัดแย้งอย่าง

              รุนแรง  ซึ่งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ร่วมในจิตใต้ส�านึกของมนุษย์  จากเรื่องพระอภัยมณีพบความขัดแย้ง
              ระหว่างลูกชายกับพ่อ ซึ่งเป็นปมเอดิปัส และความขัดแย้งระหว่างลูกชายกับแม่คือ มังคลากับพระอภัยมณี

              สินสมุทรกับนางผีเสื้อ และมังคลา วลายุดา วายุพัฒน์ หัสกันกับแม่ ซึ่งทั้งหมดล้วนสะท้อนความปรารถนา
              ที่จะเป็นอิสระจากการควบคุมหรืออิทธิพลของพ่อและแม่  และด้วยวัฒนธรรมไทยจึงต้องเบี่ยงเบนความ

              ขัดแย้งจากบิดามารดาแท้ๆ  ไปเป็นบิดามารดาบุญธรรมซึ่งเป็นคนหรือยักษ์แทน  หรืออาจสร้างเหตุผลให้
              บิดามารดาทอดทิ้งบุตรไปตั้งแต่เล็ก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับความขัดแย้งในแต่ละครั้ง

                       จากความนิยมในการใช้ทฤษฎีเชิงจิตวิเคราะห์เพื่อศึกษานิทานหลากหลายชาติรวมทั้งลักษณะ

              ของทฤษฎีจิตวิเคราะห์ที่มีความเป็นสากลนี้เอง ที่ส่งผลให้ทฤษฎีเชิงจิตวิเคราะห์ยังคงเป็นทฤษฎีที่มีผู้กล่าว
              ถึงอยู่เสมอ และส่งผลให้การศึกษานิทานขยายขอบเขตสู่การท�าความเข้าใจจิตไร้ส�านึกของมนุษย์ในแต่ละ

              ยุคสมัย จนสามารถท�าความเข้าใจพื้นฐานจิตใจของมนุษย์ได้ จิตใจของมนุษย์ไม่ว่าจะยุคใด หรือชนชาติ
              ใดย่อมคล้ายคลึงกัน คือ ต้องการเป็นอิสระเหนือการควบคุมของบิดามารดา อาจถึงขั้นต้องการเป็นใหญ่

              เหนือผู้ปกครอง  จนแสดงพฤติกรรมออกมาในรูปแบบต่างๆ  กัน  นิทาน  ต�านาน  หรือวรรณคดีก็เป็นอีก
              รูปแบบหนึ่งที่น�าเสนอความต้องการเหล่านี้ของมนุษย์ทุกเชื้อชาติ








                                                          วารสารมนุษยศาสตร์  ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2554  171
   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183   184