Page 435 -
P. 435

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว























                                ภาพที่ 15.6  การเก็บตัวอย่างดิน โดยใช้หลอดเก็บตัวอย่างดิน




                     1.2.2 การวิเคราะห์ดิน
                         นักวิชาการในห้องปฏิบัติการจะน�าตัวอย่างดินมาวัดสภาพกรดด่างของดินและความเค็ม
            ของดิน ปริมาณอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์  โพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้  ตลอดจนธาตุอื่นๆ

            เห็นว่าควรวิเคราะห์  เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนส�าหรับการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน
                     1.2.3 การใช้ประโยชน์จากผลการวิเคราะห์ดินทางเคมี

                         เมื่อได้ผลการวิเคราะห์ดินมาแล้ว  นักวิชาการก็น�ามาเปรียบเทียบกับข้อมูลจากการวิจัย
            ที่แสดงแนวทางการประเมิน  หากพบว่าดินมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง  หรือต�่า  ก็แนะน�าวิธีบ�ารุงดิน
            ต่อไป แนวทางการประเมินมีดังนี้

                         1) สภาพกรดด่างของดิน (pH, พีเอช) และความต้องการปูน แม้ว่าพืชทั่วไปจะเจริญ
            เติบโตได้ดีในดินที่มีช่วงพีเอชอยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 7 แต่ถ้าพีเอชของดินมีค่าประมาณ 6.5 น่าจะเหมาะสม

            ที่สุด เพราะพีเอชดินใกล้กลาง เป็นระดับที่เหมาะสมที่ธาตุอาหารละลายออกมาอยู่ในสารละลายดินที่พืช
            สามารถดูดใช้ได้  ดังนั้นการวัดพีเอช  และวิเคราะห์หาความต้องการปูนของดินที่พีเอชต�่ากว่า  5.5  ก็จะ
            ช่วยให้การใส่ปูนเหมาะสม และถูกต้องที่สุดส�าหรับแต่ละพื้นที่

                           ดินนาในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาเป็นกรด  แต่เมื่ออยู่ในสภาพน�้าขัง
            ปฏิกิริยาของดินจะเข้าใกล้ความเป็นกลางมากขึ้น  อาจไม่จ�าเป็นที่ต้องใช้ปูนแก้ไขความเป็นกรดของดินนา

            ทั่วไป ส�าหรับในดินกรดจัดหรือเปรี้ยวจัดที่มีพีเอชต�่ากว่า 4.5 ต้องใช้ปูนแก้ไขความเป็นกรดของดินเสียก่อน
            มิฉะนั้นจะเกิดผลกระทบต่อการให้ผลผลิตข้าว  เนื่องจากดินมีปฏิกิริยาเป็นกรดอย่างรุนแรง  ท�าให้เหล็ก
            แมงกานีส และอะลูมินัม ละลายออกมามากในดินจนถึงระดับที่เป็นพิษ การเจริญเติบโตของข้าวไม่เป็นไป

            ตามปรกติ  ชะงักการแตกกอ  ต้นแคระแกร็น  และกิจกรรมของจุลินทรีย์จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก  ท�าให้ไม่
            สามารถย่อยสลายอินทรียวัตถุได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เกิดการสะสมแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์และสารประกอบ

            อินทรีย์ที่อาจเป็นพิษต่อข้าวที่ปลูก ความเป็นประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสจะอยู่ในระดับต�่าถึงต�่ามาก และ
            ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนธาตุฟอสฟอรัสและไนโตรเจน ท�าให้รากข้าวไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปรกติ



                    ดิน ธาตุอาหารและปุ๋ยข้าว                           การจัดการธาตุหลักในนาข้าว  431
   430   431   432   433   434   435   436   437   438   439   440