Page 42 -
P. 42
240
240
240
ൌ
=
(20)
(20)
400
2
240
240
240
2 2
ൌ
× ×240
=
1 1
400
ൌ
400
2
2
2
2
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิม = × ×240 ൌ ൌ (20) ൌ 2 1 2 2 1 1 240 400 2 2 = 240 (1) 2 [ (130)− (110)] 2 2 1 1 (20) 2 ൌ × ×240 ൌ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
[ (130)− (110)]
[ (130)− (110)]
2
1 2
1
1
240
240
2 2
ൌ
× ×240 =
400
1 (20)
1
(1)
ൌ
2
2
2
∴ 2
ൌ
2
( − ) (110)]
[ (130)−
∴
2
2
( − )
1
1
1
1 2
2
และการเข้าสู่สมดุลของประชากร 35
× ×240
1 1
ൌ
2
2
(1)
(1)
ൌ
ൌ 240
240
[ (130)− (110)]
2
2
เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร ൌ )
( − ) 1
(
2 −
1 =
∴
∴
บทที่ 1 องค์ประกอบทางพันธุกรรม เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร
400
(20)
2
2
g (n) - g = 2 1 × ×240 2 2 1 1 ( − ) ൌ ൌ (1) ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า 2 ∴ 1 ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ เท่ากับ
11 11 - d 2 2 2 2 1 [ (130)− (110)] ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามา ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
1รถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค
n-1 านวณได้ดังนี้
2
2 n-1 1
(n-1) n-2 1 1 1 เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
- g
11 11 = 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 - d ) ( − ൌ (1) 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้ 2 ∴ ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้ จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น
2
60 พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ 50 aabb aabb
60
2 n-2 -1
g มีค่า
. . . (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
1 -1
-1
-1 1
1
50
60 1 60 -1 -1 60 จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้ 60 aaBb เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร aaBb
1 -1
-1
.
.
1 -1 . -1 1 -1 -1 × aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
-1
50
-1
aabb
-1
aabb 50
1 2
(1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
60
-1
Aabb
60
1
Aabb
1
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ ก าหนดให้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า
60 หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่าหาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
-1
-1
1 -1
-1
1
aaBb
aaBb 60
60
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
.
.
-1 . -1 -1 × aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
1
1
70
70
1
1
1 1
AaBb
AaBb
-1
aabb
50
-1
1
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซมน้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม
จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
Aabb 60
1
60
-1
Aabb
1
หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่าหาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
Locus B e
Locus A
Locus A Locus B
Linkag
Linkage
-1
aaBb
60
-1
1
1 เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้ ท าการวิเคราะห์
-1 g - g × aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อ
จีโนไทป์
AaBb จ านวนต้น
จีโนไทป์ ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
- d
จ านวนต้น
=
AaBb 70
1 1
1
1
70
1
(1)
1
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซมน้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม
orthogonal
orthogonal
60
1
Aabb
60
-1
11 1 11 หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเปรุงพันธุ์ 50 จ านวนต้น 70 2 จ านวนต้น aabb จีโนไทป์ AaBb จีโนไทป์ 1 1
2 0
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับ
2ท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
Linkage
Locus B
Locus A
Locus A
0 Linkag
Locus B
(1)e
-1
เดียวกันหรือไม่มี linkage จากสูตรที่ 1
1
-1
จากสูตรที่ 1 นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้ เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้ 4 มีค่าเท่ากับ
= ∑ [
a i
a i 2
n
1
] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3 และ m
1
] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ = ∑ [
i
i
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม 4
(n−1)
(n−1)
คนละโครโมโซม
คนละโครโมโซม
m i N
4
m i N
orthogonal
orthogonal
2 -1
-1
aaBb
n 60
1
× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
Locus B
Linkage
Locus A
0 เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้ , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ
2
2
1
1
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B
1 จากสูตรที่ 1
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
ท�าการรวมสมการทั้งสองฝังจะได้ เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
2 n
2
2
n 2
2
จ านวนต้น
2
g (n) - g หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
จีโนไทป์
2
2
a i
a i
(70)
1
-1
Aabb
2 = ∑ [
-1
ൌ ( i N
60
2
i
] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , ส่วนค่า m 1 , m 2
(n−1)
i (n−1)
คนละโครโมโซม
คนละโครโมโซม
1 ൌ (
m i N
orthogonal
4
4
) −240
2
m
n-1
11 11 1 = 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่ จากสูตรที่ 1 1 0 (1)น่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทด 1 2 2 (70) +(60) +(60) +(50) m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ = ∑ [ 70 n-2 (240) 1 (240) ต าแหน่ง A เป็น ต าแหน
(1)
2gonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
2 ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
] − N +(60) +(60) +(50) ท าการตรวจสอบด้วยวิธี ortho
1
AaBb
4
n-1
2
(70) +(60) +(60) +(50) และ m 4 มีค่าเท่ากับ คนละโครโมโซม
1
) −240 ่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแห
- (d + d + d +...+ d + d ) 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น สอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
n
2
a i
0
2
2
2
Linkage g (n) - g น้อยกว่า 7.815 ที่ นี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน Locus B จากสูตรที่ 1 df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บน
2
2
1 m i N
2 , m 3
2
4 คนละโครโมโซม
(n−1)
4
60
- d + d + d +...+ d 243.33 − 240 = 3.33 40 240 = 3.33
60
2
ൌ (
2
ൌ (
2
2
) −240 ) −2
Locus A
) −240 = 1) −240 = 243.33 −
0
(1)
0
11 11 เดียวกันหรือ ไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
0
] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 ൌ () −240=
= ∑ [ 243.33−
1 14,600 (70) +(60) +(60) +(50)
ൌ (
2 i ) −240 240 = 3.33
1 = 243.33 − 240 = 3.33
(240) 60
2 ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดัง
60
2 ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
0 (240)
จีโนไทป
1 14,600์ จ านวนต้น
1 ൌ ( 14,600
ൌ ( (1) 14,600
4
4
2 60 (240) 2
n-1
ดสอบอัตราส่วน
ของยีนต าแหน่ง B เป็น
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ท
1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
= orthogonal
0
2
g (n) - g = ) −240 ) −240 4 (240) 1 243.33 (70) +(60) ൌ ( ൌ ( 2 60 ) −240 = 4 1 ) −240 ) −240 = 243.33 − 240 = 3.33
2
ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
(1)
(1)
11 11 จากสูตรที่ 1 (1) +(60) +(50) 2 2 ൌ ( +(60) 2 1 ) −240 = 243.33 − 240 = 3.33 ൌ ( 14,600 n 2 2 1 14,600 +(60) +(50) ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน 2 a i 2(70) 60 (240) 60 ) −240 คนละโครโมโซม (70) +(60) 2 1
1
4 − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ
ൌ (
1 14,600 ൌ (
1 2 − 240 = 3.33
2 0 2
]
- d 1+ + +...+ = 243.33 − 240 = 3.33 ൌ ( 2 14,600 +(60)+(50)
2
2
2 2
2
i
n m i N
4
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
1
4
= ∑ [ 4
(n−1) 60
(240)
(240)
) −240 = 243.33 − 240 = 3.33
0
- d
g (n) - g 4 = 2 ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
ൌ ( 1
(1)
(1)
) −240
14,600 ൌ (
) −240
m i N
m i N
4
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
ൌ (
1) −240 = 243.33 − 240 = 3.33
(n−1)
2
i
2
i
1
2 − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3
11 11 1 คนละโครโมโซม คนละโครโมโซม ] 14,600 +(50) และ m 4 มีค่า 2 a 2 n = ∑ [ (70) +(60) +(60) +(50)เท่ากับ 2 2 n จากสูตรที่ 1
(n−1)
2 0
]
จากสูตรที่ 1 [
(70) +(60) +(60)
=
2 ∑
2
2
2 60 i 2
2 a i
2
1 2
2
2
2
2
1- ൌ (
1
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
) −240
1- ൌ ( −N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ
4
(1)
1
(240)
(70) +(60) +(60) +(50) ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน
(240)
1
(1)
) −240
m i
m i
orthogonal orthogonal
ൌ (
4
2 N
4
(n−1) N
(n−1)
2
i
i
] − N ส่วนค่า m 1
(70) +(60) +(60) +(50)
= ∑
2
2
2
จ านวนต้น ൌ (จ านวนต้น
4 [
= ∑ [
2 a i
a i60
n
ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่
2
n n
เมื่อมีการแต่งงานแบบสุ่มหลายชั่ว n ∞ จะได้ 0 ) −240 = 243.33 − 240 = 3.33 Lo Linkage cus B Linkage
1
1
2
จากสูตรที่ 1
จากสูตรที่ 1
ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
2 , m 2 , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ
เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้ มีค่าเท่ากับ
] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 , m 3 และ m 4
2
2
1 14,600 ൌ (
คนละโครโมโซม คนละโครโมโซม ) −240=243.33−240 = 3.33
14,600
m i N
4
.
คนละโครโมโซม
(n−1
60)
จีโนไทป์ ็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม
จีโนไทป์ ็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห
i
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห
] − N ส่วนค่า m 1
1 .. g - g ) −240 ท าการตรวจสอบด้วยวิธี orthogonal จะทดสอบสมมติฐานดังนี้ (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีน 1 1
1
4
(∞)
0
= ∑ [
- d (2) 70 จ านวนต้น 70
1
1
1
a i
1
จ านวนต้น
n
2
(240)
Locus A จากสูตรที่ 1
Locus B เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
2
,m 2 , m 3 และ m 4 มีค่าเท่ากับ
Locus A เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
1
(1)
11 11 จีโนไทป์ ็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม = AaBb จีโนไทป์ AaBb +(60)+(60)+(50) 2 2 2 0 2 2 (70) 2 orthogonal orthogonal าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า Locus B Locus B
Linkage Linkage
ൌ (
หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
หาค่
-1
-1
1
Aabb
60
Aabb
60
-1
1
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห
น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม
4 ต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (2) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง B เป็น 1 : 1 (3) ทดสอบยีนทั้ง 2 ต าแหน่งว่าอยู่ 1 -1
1
d AaBb จ านวนต้น
1
1
70
AaBb
× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
× aabb เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
Locus A Locus A ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
1
aaBb
0 aaBb
Locus B
Locus A
m i N
คนละโครโมโซม Aabb 60 60 ] − N ส่วนค่า m 1 , m 2 2 60 i n 60 = ∑ 1 (n−1) 1 -1 1 -1 น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห , m 3 และ m -1 1 Linkage -1 -1 -1 -1
orthogonal หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
70 [
-1
Aabb
a i
2
1 จากสูตรที่ 1
ยู่บนคนละโครโมโซม
จีโนไทป์ ็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอ
1
aabb
50
-1
aabb
= 4 มีค่าเท่ากับ
-1
1
-1
50
-1
ส�าหรับประชากรที่เข้าสู่สภาพสมดุล มีความถี่ของเซลล์สืบพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงไป d สามารถ -1 1
AaBb
1
1
70
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
60
60
-1
0 -1
aaBb
-1
1
aaBb
1
60
60
หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
-1
Aabb
-1
1
จีโนไทป์
จ านวนต้น
สรุปความถี่ของเซลล์สืบพันธุ์ ดังนี้ 60 50 50 1 -1 orthogonal พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ -1 60 -1 1 1
เดียวกันหรือไม่มี linkage นั่นเอง เมื่อท าการวิเคราะห์แบบ orthogonal จะเป็นดังนี้
aabb
-1
aabb
Locus B
Linkage
Locus A
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
× aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์
-1
aaBb (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 น้อยกว่า 7.815 ที่ df ของตารางไคสแควร์เท่ากับ 3 แสดงให้เห็นว่า ยีนทั้ง 2 ต าแหน่งอยู่บนคนละโครโมโซม จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้ จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
-1
1
60
60
AaBb
(0) 70
g (n) aabb = g - d -1 1 พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ -1 1 1 1
(1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
50
11้ m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า
11 Aabb ก าหนดให 60 0 ก าหนดให้ 1 2 1 60 1 2 -1 -1
หาค่าไคสแควร์แบบวิธีเดิม พบค่าไคสแควร์มีค่าเท่ากับ 3.33 ซึ่งเมื่อเปิดตารางไคสแควร์ที่ 0.05 พบว่า มีค่า
จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้ จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
(0)
g (n) (1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1 1 -1 × aabb ได้ลูกที่มีจีโนไทป์ AaBb : Aabb : aaBb : aabb เท่ากับ 70 : 60 : 60 : 50 ต้น เมื่อท าการวิเคราะห์ 1 -1
=
g + d
เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร
aaBb
60
1
12 12 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า m 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า
0
จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
2
aabb
2
(0) 50
g (n) เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร -1 60 -1 1
ก าหนดให้ m 1 ก าหนดให้ปรุงพันธุ์
∴
g + d
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับ
( − )( − )
2
2
∴
1
ൌ
21 ก าหนดให้ m 1 21 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ ส่วน a 1 มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า
ൌ
=
(1)
0 (1)
(1) ทดสอบอัตราส่วนของยีนต าแหน่ง A เป็น 1 : 1
2
(0)
g (n) เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร ∴ 2 [ (130)− (110)] ) (110)] 2
=
1
1
1
1
g - d
( − )( −
2
2
[ (130)−
∴
2
22 จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม สามารถที่จะใช้สูตรที่ 2 ในการค านวณได้ดังนี้
ൌ
2
ൌ
2
2
(1)
0 (1)
ൌ ൌ
22
1 1
1 1
× ×240
× ×240
จากประเด็นที่กล่าวว่าเมื่อประชากรเข้าสู่สภาพสมดุล ค่า disequilibrium factor จะเป็น 0 แสดงดังนี้
[ (130)− (110)] มีค่าเท่ากับ 70+60 = 130 และ a 2 มีค่า
2 2 1
2 2
1 1
1
ก าหนดให้ m
2
2
2
(
1 − ) ส่วน a 1 (110)]
∴ 1 และ m 2 และมีค่าเท่ากับ [ (130)−
ൌ
2
2 2
2
(1)
เท่ากับ 50+60 = 110 แทนค่าสูตร ൌ 2 (20) ൌ 400(20) 2 2 400
ൌ
1 1
1
1
× ×240 =
= ×240 ൌ
×
d = (n) (n) (n) (n) 240 2 2 240 2 2 240
240
1
1
2
[ (130)− (110)]
n g g - g g 2 2 2 400 2 400
11 22 ൌ
(20)
12 21 (20) 1
1
∴ 2 ൌ × ×240 ) =
( −
=ൌ
d = (g - d )(g - d ) - (g + d )(g + d )
(0)
240 2
2
240
(0) 240
(0) ൌ
(0) 240
(1)
n 11 0 (2 2 0 400 12 0 21 0
220)
ൌ [ (130)− (110)] 2
=
1
1
2
(0)
(0) (0)
2
(0) (0)
(0)
d = (g g - d g - d g + d ) - (g g + g d + g d + d )
240
240
(0) 2
(0) 2
ൌ
n 11 22 0 22 1 1 0 12 21 12 0 21 0 0
0 11 ×240
×
2 2
(20) 2 400
ൌ =
240 240