Page 21 -
P. 21
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มันส าปะหลังซึ่งเป็นพืชอาหารหลักของไหมอีรี่ ในปี พ.ศ. 2558 มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดถึง 9.3 ล้าน
ไร่ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดถึง 4.8 ล้านไร่ รองลงมาได้แก่ภาคเหนือ 2.05 ล้านไร่และภาค
กลาง 2.37 ล้านไร่ (ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2559) และเกี่ยวข้องกับเกษตรกร 4-5 แสนครัวเรือน
ทั่วประเทศ ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกมันส าปะหลังสามารถหารายได้เสริมจากการปลูกมันส าปะหลังได้
กล่าวคือในการเลี้ยงไหมอีรี่ 20,000 ตัวจะใช้ใบมันส าปะหลัง 600-700 กิโลกรัม ซึ่งสามารถทยอยเก็บได้
จากพื้นที่ปลูกเพียง 2-5 ไร่ ดังนั้นเกษตรกรสามารถน าใบมาเลี้ยงไหมแทนการทิ้งไป การเด็ดใบมาเลี้ยง
ไหมอีรี่ไม่เกิน 50% ของใบที่มีทั้งหมด จะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตหัวมันส าปะหลัง และถ้าเด็ดใบไป
30% กลับท าให้ผลผลิตหัวมันสูงขึ้น(ทิพย์วดี และคณะ 2535) และโรงเรือนที่ใช้เลี้ยงไหมอีรี่มีขนาดเพียง
4X4 เมตรโดยลงทุนเพียง 7,000- 10,000 บาท เท่านั้นดังนั้นไหมอีรี่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร
ในการเพิ่มรายได้ (ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านไหม ,2558)
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่มาเป็นเวลานาน แต่อุตสาหกรรมไหมอีรี่ก็
ยังไม่สามารถพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มตัว เนื่องจากปัญหาและขาดข้อมูลในหลายๆ
ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับต้นน้ า กล่าวคือการผลิตไหมอีรี่ของเกษตรกรยังมีปัญหาในด้านต่างๆ
มากมาย เช่น ปัญหาการส่งวัตถุดิบให้กับโรงงานขาดความต่อเนื่อง ปัญหาคุณภาพและมาตรฐานไหมอีรี่
ปัญหาการเก็บรักษาไหมอีรี่ เป็นต้น ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงต้องการศึกษาสถานการณ์ในปัจจุบันของการผลิต
ไหมอีรี่ในระดับต้นน้ า ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต ตั้งแต่เรื่องระบบ
การจัดการผลิตไหมอีรี่ของเกษตรกรเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงาน ส ารวจความต้องการของโรงงานในประเทศ
การสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกรและ โรงงาน รวมถึงถอดบทเรียนจากกลุ่มผู้เลี้ยงไหมอีรี่ที่ประสบ
ความส าเร็จและไม่ส าเร็จ เพื่อให้ได้แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไหมอีรี่ในระดับต้นน้ าสู่อุตสาหกรรม
เชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน
1.2 วัตถุประสงค์
1. ศึกษาสภาพทั่วไปด้านการผลิต การตลาดและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานไหมอีรี่ในปัจจุบัน
2. ศึกษาศักยภาพการผลิตไหมอีรี่ในเชิงพาณิชย์
3. ศึกษาปัจจัยสู่ความส าเร็จของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตไหมอีรี่
4. เสนอแนะแนวทางการพัฒนาไหมอีรี่ในระดับต้นน้ าในเชิงอุตสาหกรรม
2