Page 87 -
P. 87

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                   ติดตามเก็บแบบสอบถามครัวเรือนเปนระยะเวลาตอเนื่องยาวนานที่สุดในโลก (ตั้งแตป 1997 จนถึง

                   ปจจุบัน) งานวิจัยชิ้นนี้เลือกเฉพาะวิเคราะหกลุมตัวอยางครัวเรือนที่มีการทําเกษตรตอเนื่อง ตั้งแตป 2000
                   ถึง 2013 จาก 4 จังหวัด ไดแก ฉะเชิงเทรา ลพบุรี บุรีรัมย และศรีสะเกษ จํานวนทั้งสิ้น 384 ครัวเรือน ใน

                   แตละป

                          เมื่อเปรียบเทียบขนาดที่ดินที่เกษตรกรเปนเจาของระหวางครัวเรือนที่มีการเชาที่ดินกับครัวเรือน

                   ที่มีการปลอยเชาที่ดิน พบวา ขนาดที่ดินที่ตนเองเปนเจาของของกลุมแรกนอยกวากลุมที่สองกวาสามเทา

                   โดยเมื่อพิจารณาคาเฉลี่ยตลอด 14 ป ครัวเรือนที่เปนผูเชามีที่ดินเปนของตัวเอง 14.46 ไรตอครัวเรือน
                   ในขณะที่ครัวเรือนที่ปลอยเชาที่ดินมีการครอบครองที่ดินที่เปนเจาของสูงถึง 50.74 ไรตอครัวเรือน

                   หลักฐานดังกลาวแสดงใหเห็นถึงความแตกตางของการครอบครองที่ดินระหวางเกษตรกรสองกลุมไดอยาง

                   ชัดเจน ที่นาสนใจคือ ครัวเรือนผูเชาไดมีการเชาที่ดินเขามาเพื่อทําการเกษตรโดยเฉลี่ยมากถึง 28.67 ไรตอ
                   ครัวเรือน ในขณะที่ครัวเรือนผูใหเชาก็มีการปลอยเชาที่ดินสูงถึง 20 ไรตอครัวเรือน แสดงใหเห็นวาตลาด

                   เชาที่ดินของไทยคอนขางมีประสิทธิภาพในการลดความเหลื่อมล้ําในการถือครองที่ดินระหวางครัวเรือน

                   นอกจากนี้ การที่จํานวนครัวเรือนที่ปลอยเชาที่ดินมีจํานวนนอยมากเทียบกับผูเชา บงบอกใหเห็นวาดินเชา
                   จํานวนไมนอยมาจากครัวเรือนที่อยูนอกภาคเกษตร อยางไรก็ตาม ในภาพรวมพบวา เกษตรกรมีแนวโนม

                   ลดการเชาที่ดินเพื่อทําการเกษตร และเพิ่มการทําเกษตรบนที่ดินที่ตนเองเปนเจาของมากขึ้น สาเหตุสวน

                   หนึ่งคาดวาเกิดจากมาตรการอุดหนุนราคาสินคาเกษตรของรัฐบาลซึ่งผลประโยชนถูกผูกไวกับขนาดที่ดิน
                   ทํากิน โดยเฉพาะอยางยิ่งโครงการจํานําสินคาเกษตรและโครงการประกันรายไดเกษตรกร (เชน ขาว มัน

                   สําปะหลัง ยางพารา เปนตน) สงผลใหคาเสียโอกาสในการปลอยเชาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น เจาของที่ดินจึงลดการ

                   ปลอยเชาที่ดินลง

                          ผลการทดสอบสมมติฐานในประเด็นที่เกี่ยวของกับบทบาทของตลาดเชาที่ดินตอการพัฒนา

                   เศรษฐกิจครัวเรือนดวยแบบจําลองเศรษฐมิติใหผลตรงตามที่คาดไว กลาวคือ ครัวเรือนที่มีที่ดินมากจะ
                   ปลอยเชาที่ดินออกไปใหครัวเรือนที่ขาดแคลนที่ดินทํากิน สงผลใหเกิดความเทาเทียมกันในการใชที่ดินเพื่อ

                   ทําการเกษตร ครัวเรือนที่มีความสามารถมากมีแนวโนมที่จะเชาที่ดินเพิ่มเพื่อขยายการผลิต ถาครัวเรือน

                   เกษตรมีจํานวนสมาชิกในครัวเรือนเทียบเทาผูใหญเพิ่มขึ้น 1 เทาตัว โอกาสที่จะมีการเชาที่ดินก็จะเพิ่มขึ้น
                   ราวรอยละ 9.2 เปนไปไดวาจํานวนผูใหญที่มากขึ้นทําใหครัวเรือนสามารถขยายการผลิตไดอีก ซึ่งสามารถ

                   มองไดทั้งในแงการใชแรงงานในครัวเรือนเพื่อทําการผลิตและในแงของการบริหารฟารม ถาครัวเรือน

                   เกษตรมีจํานวนที่ดินถือครองเปนเจาของเพิ่มมากขึ้น 1 เทา จะลดโอกาสการเชาที่ดินลงรอยละ 18.7
                   สะทอนใหเห็นวาครัวเรือนเกษตรที่เปนเจาของที่ดินจํานวนมากมีแนวโนมที่จะปลอยเชาที่ดิน หากทําการ

                   เปรียบเทียบครัวเรือนกลุมที่ความสามารถสูงที่ตําแหนงเปอรเซ็นไทลที่ 90 กับกลุมที่ความสามารถระดับ

                   ปานกลางเทากับคาเฉลี่ย พบวา ครัวเรือนเกษตรที่มีความสามารถทางการเกษตรสูงที่ตําแหนงเปอรเซ็น
                   ไทลที่ 90 มีโอกาสที่จะเชาที่ดินสูงกวาครัวเรือนเกษตรที่มีความสามารถปานกลางราวรอยละ 9.7 ปจจัย

                   อื่นๆ ที่สงผลใหแนวโนมการเชาที่ดินสูงขึ้น ไดแก อายุหัวหนาครัวเรือน ปริมาณน้ําฝนปกอน และรายได





                                                             6-2
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92