Page 86 -
P. 86

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                                                           บทที่ 6

                                            สรุปผลการศึกษาและขอเสนอแนะเชิงนโยบาย


                   6.1 สรุปผลการศึกษา

                          ปจจุบันประเทศไทยยังคงเผชิญกับปญหาการขาดแคลนที่ดินทํากิน แมวาภาครัฐจะพยายามอยาง

                   เต็มที่ในการใหความชวยเหลือกับประชาชนที่ยากจนและไรที่ทํากิน ปญหาดังกลาวสะทอนถึงความเหลื่อม

                   ล้ําในการถือครองที่ดินของคนในประเทศ กลาวคือ ที่ดินจํานวนมากไดถูกจับจองเปนเจาของโดยคนเพียง
                   บางกลุมซึ่งสวนมากจะเปนกลุมนายทุน สงผลใหคนสวนมากของประเทศเปนเจาของที่ดินแปลงเล็กๆ

                   ขนาดเพียงไมกี่ไร การใชประโยชนจากที่ดินจึงไมสามารถทําไดเต็มที่แมวาจะมีกําลังคนและความสามารถ

                   ก็ตาม ขอจํากัดดานที่ดินสงผลกระทบโดยตรงตอการพัฒนาเศรษฐกิจของครัวเรือนที่ประกอบอาชีพ
                   เกษตรกรรม เนื่องจากคนกลุมนี้ใชที่ดินเปนปจจัยหลักในการผลิตเพื่อสรางรายได ทั้งนี้ มีการศึกษาที่ระบุ

                   วาหนึ่งในปจจัยที่เปนรากเหงาของความเหลื่อมล้ําในการถือครองที่ดินในประเทศไทย ก็คือความเหลื่อมล้ํา

                   ทางรายไดของคนในประเทศนั่นเอง จึงอาจกลาวไดวาปญหาความเหลื่อมล้ําดานรายไดและที่ดินเปนวงจร
                   ที่เชื่อมโยงกันอยูอยางแยกออกไดยาก ดังนั้นหากสามารถลดความเหลื่อมล้ําดานใดดานหนึ่งลงได ก็อาจจะ

                   ชวยลดความเหลื่อมล้ําทั้งวงจรลงได

                          ในทางทฤษฎีนั้น ตลาดเชาที่ดินเปนกลไกที่ชวยลดความเหลื่อมล้ําในการถือครองที่ดิน โดยการ

                   เคลื่อนยายที่ดินจากเกษตรกรที่มีที่ดินจํานวนมากแตขาดประสิทธิภาพในการผลิต ไปยังเกษตรกรที่ขาด

                   แคลนที่ดินทํากินแตมีความสามารถในการผลิตสูง ซึ่งจะสงผลใหรายไดของครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น หรือกลาว
                   ไดวา การเชาที่ดินนอกจากจจะชวยลดความเหลื่อมล้ําในการถือครองที่ดินทํากินแลว (แมไมใชในรูปการ

                   เขาถือครองเปนเจาของ) ยังสามารถชวยลดความเหลื่อมล้ําดานรายไดของครัวเรือนไดอีกดวย อยางไรก็

                   ตาม ตนทุนทางธุรกรรมในการเชาที่ดินและความไมสมบูรณของตลาดเชาที่ดินเปนอุปสรรคสําคัญตอกลไก
                   การทํางานของตลาดเชาที่ดินใหเกิดประสิทธิภาพสูงสุด


                          งานวิจัยฉบับนี้ตองการศึกษาถึงบทบาทของตลาดเชาที่ดินตอการพัฒนาเศรษฐกิจของครัวเรือน
                   เกษตรของไทย โดยมีสมมติฐานวาตลาดเชาที่ดินที่จะกอใหเกิดการเคลื่อนยายที่ดินจากครัวเรือนที่มีที่ดิน

                   มากไปยังครัวเรือนที่มีที่ดินนอย และเคลื่อนยายที่ดินจากครัวเรือนที่มีประสิทธิภาพในการผลิตต่ําไปยัง

                   ครัวเรือนที่มีความสามารถที่สูงกวา และที่สําคัญที่สุดคือ คาดวาการเชาที่ดินจะชวยยกระดับรายได
                   ทางการเกษตรของครัวเรือนไดอยางมีนัยสําคัญ การศึกษานี้ถือเปนครั้งแรกที่ไดมีการนําแบบจําลองทาง

                   เศรษฐศาสตรมาประยุกตใชเพื่อศึกษาบทบาทของตลาดเชาที่ดินตอการพัฒนาเศรษฐกิจของครัวเรือน

                   เกษตรในประเทศไทย ซึ่งจะเปนประโยชนอยางมากในเชิงนโยบายตอการวางแผนการใชที่ดินเกษตรใน
                   อนาคต นอกจากความโดดเดนดานโจทยวิจัยแลว งานวิจัยฉบับนี้ยังมีความโดดเดนในแงของการนําขอมูล

                   ครัวเรือนแบบตอเนื่อง (Balanced  panel  data)  มาใชในการวิเคราะหแบบจําลองเศรษฐมิติอีกดวย

                   ขอมูลที่ไดมาจากฐานขอมูล Townsend  Thai  Project  ซึ่งเปนฐานขอมูลครัวเรือนแบบตอเนื่องที่มีการ





                                                             6-1
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91