Page 98 -
P. 98

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว









                  กลุ่มเกษตรกรที่ขายให้กลุ่มย่อย (บ้านสันเจริญ)
                                      ติดต่อลูกค้าปลายทางโดยตรง ปริมาณที่จะแปรรูป



                                         ขึ้นอยู่กับคําสั่งซื้อของลูกค้าปลายทาง    กลุ่มย่อยส่วนใหญ่ขายกาแฟสาร    กลุ่มที่ขายเมล็ดกาแฟคั่ว จะเน้นเป็นสินค้าที่คุณภาพสูง  (specialty) ตลาดปลายทางจะมีทั้งที่เป็นตลาดบนของ  ผู้ชํานาญการชิมกาแฟและตลาดทั่วไป    สําหรับเกษตรกร ต้นทุนในการปลูกกาแฟเฉลี่ย 10 บาท ต่อ กก. นับแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวครั้งแรก ขายได้กก.   ละ 25 บาท   ส่วนมากต้นทุนในการรับซื้อเชอร์รี่ของกลุ่มย่อยเท่ากับ กลุ่มวิสาหกิจ แต่มีโอกาสขายกาแฟสารได้ในราคาที่สูง




















                  กลุ่มวิสาหกิจชุมชน (บ้านสันเจริญ)   กลุ่มวิสาหกิจขายผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบกาแฟ  เชอร์รี่ กะลา กาแฟสาร กาแฟคั่ว เพราะ ต้องการระบายสินค้าที่มีอยู่ใน stock ให้เร็ว  ที่สุด     ตลาดปลายทางของกลุ่มมีหลากหลาย   พ่อค้าคนกลางซื้อเชอร์รี่ หรือกาแฟกะลา   -  บริษัทใหญ่และลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อในรูปกาแฟ  -   สาร    ลูกค้ารายย่อยซื้อกาแฟเมล็ดคั่ว    -   สําหรับเกษตรกร ต้นทุนในการปลูกกาแฟเฉลี่ย  10 บาทต่อ กก. นับแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยว  ครั้งแรก ขายได้กก. ละ 25 บาท  






















                  กลุ่มเกษตรกรที่ขายให้ Gem Forest   (บ้านมณีพฤกษ์)  กระบวนการแปรรูปเอง ซึ่งจะต้องผ่านการอบรม  และพัฒนาองค์ความรู้อีกระดับหนึ่ง    กิจการขายเฉพาะที่เป็นเมล็ดกาแฟคั่ว   ลูกค้ามีทั้งที่เป็นร้านกาแฟทั่วไป และตลาดบน  สําหรับนักดื่มกาแฟ    กลุ่มที่กําลังก่อตั้งเพื่อทําการแปรรูปเอง วางแผนที่  จะขายในลักษณะเมล็ดกาแฟคั่ว    สําหรับเกษตรกร ต้นทุนของกาแฟเชอร์รี่ 1 กก. นับ จากเกษตรกรเริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวครั้งแรกคือ 13   บาทต่อ กก. ขายได้ กก. ละ 25-30 บาท   สําหร




















                                    ลักษณะสินค้าและ  ตลาดปลายทาง          มูลค่าเพิ่มผ่าน  การแปรรูป






                                                                      การสร้าง
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103