Page 37 -
P. 37
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ หนึ่ง เพื่อศึกษาสถานะอุตสาหกรรมการผลิตรถเกี่ยวนวดข้าวในปัจจุบัน สอง
เพื่อศึกษาสถานะการประกอบการบริการรับจ้างเกี่ยวนวดข้าวในปัจจุบัน และ สาม เพื่อศึกษานโยบาย มาตรการ และระเบียบ
ต่าง ๆ ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่สนับสนุนและเป็นอุปสรรค
การศึกษาดําเนินการเฉพาะในเขตภาคกลางของประเทศไทย ในระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 ถึง
เมษายน 2559 ข้อมูลทุติยภูมินั้น รวบรวมจากรายงานวิจัยและเอกสารต่างๆ ของสถาบันการศึกษาและส่วนราชการ
ส่วนข้อมูลปฐมภูมิ นักวิจัยได้เก็บรวบรวมจากกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมรถเกี่ยวนวดข้าวซึ่งเป็นโรงงาน
ขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงงานขนาดเล็ก 7 แห่ง ผู้ประกอบการรับจ้างเกี่ยวนวดข้าว 31 ราย นายหน้ารับจ้างเกี่ยวนวดข้าว 13
ราย บริษัทลีสซิ่ง 1 ราย งานแสดงรถเกี่ยวนวดข้าว 4 แห่ง การวิเคราะห์เป็นแบบสถิติพรรณา (Descriptive statistics) เป็น
การวิเคราะห์ อธิบาย และนําเสนอผลในรูป จํานวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย โดยใช้ตาราง
อุตสาหกรรมเครื่องเกี่ยวนวดข้าวในประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ เป็นโรงงานกลุ่มที่มีการจด
ทะเบียนอย่างเป็นทางการ(โรงงานขนาดใหญ่) มีอยู่ 5 โรงงาน และกลุ่มที่ไม่มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ (โรงงานขนาด
เล็ก หรือ อู่) มีการประมาณการว่ามีโรงงานขนาดเล็กทั้งประเทศมีมากกว่า 380 โรง
ผู้ผลิตยังคงให้ความสําคัญกับตลาดในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลาง ขนาดของตลาดในประเทศกะ
ว่ามีทั้งหมดประมาณ 23,000 คัน และคาดว่ามีรถเกี่ยวนวดที่ยังสามารถให้บริการอยู่ประมาณ 13,000-14,000 คัน ในขณะที่
กําลังการผลิตของทุกโรงงาน กะว่ามีประมาณ 2,200 คันต่อปี (ไม่รวมที่ผลิตโดยบริษัทคูโบต้า) ดังนั้น ถ้าทุกโรงงานผลิตเต็ม
กําลังการผลิตในเวลาเพียงไม่เกิน 10 ปี ก็จะสามารถสนองความต้องการได้ทั้งหมด มีการส่งออกไปขายต่างประเทศบ้างแล้ว
แต่จํานวนยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับจํานวนที่ขายในประเทศ ได้แก่ ประเทศ พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังคลาเทศ มาลี
กานา และสุรินัม จํานวนที่ขายไปยังประเทศพม่ามีมากที่สุด รองลงไปคือกัมพูชา
รถเกี่ยวนวดข้าวที่ผลิต (ไม่นับรวมคูโบต้า) เป็นรถที่แต่ละโรงงานผลิตพัฒนาขึ้นมาเอง มาตรฐานต่าง ๆ จึง
แตกต่างกัน การพัฒนานวัตกรรมต่างที่เกิดขึ้น เกิดจากการลักจําและลองผิดลองถูก (C&D) การลงทุนในเรื่องการวิจัยและ
พัฒนา (R&D) มีน้อยมาก เครื่องมือที่ใช้ยังเป็นแบบพื้นฐาน การใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยําสูง รวมทั้งการใช้โปรแกรม
คอมพิวเตอร์ในการผลิตและบริหาร มีใช้ในโรงงานบางแห่งเท่านั้น การบริหารงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การตลาด การ
ผลิต การจัดการห่วงโซ่อุปทาน สินค้าคงคลัง การเงิน การบริหารงานบุคคล เป็นการบริหารงานบนพื้นฐานของประสบการณ์
เป็นหลัก การบริหารงานใช้หลักวิชาการน้อยมาก
ตลาดการให้บริการรับจ้าวเกี่ยวนวดข้าวแบ่งออกได้เป็นสองส่วน ตลาดส่วนแรก คือ พื้นที่เกี่ยวนวดที่อยู่ใน
ภาคกลาง ตลาดอีกส่วนหนึ่งของการให้บริการเกี่ยวนวดข้าวคือ พื้นที่ทํานาในภาคอิสาน ราคาค่าบริการพื้นที่ในภาคกลาง
เท่ากับ 500 บาทต่อไร่ ราคาบริการในภาคอิสานจะประมาณ 600-700 บาทต่อไร่ การให้บริการจะติดต่อโดยตรงกับ
ผู้ใช้บริการทางโทรศัพท์มือถือ ส่วนการไปให้บริการในภาคอิสานนั้นยังต้องใช้บริการของนายหน้าทั้งสิ้น
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ประกอบด้วย การลงทุนในอาคาร โรงเรือน เครื่องมือซ่อมบํารุง และอุปกรณ์ที่
เกี่ยวข้อง คือ รถบรรทุกข้าวเปลือก และรถเทรลเลอร์ ผู้ประกอบการขนาดเล็กจะมีรถ 1-2 คัน ส่วนขนาดใหญ่จะมีรถ 7-10
คัน ราคารถเกี่ยวนวดข้าวขนาดใหญ่จะอยู่ที่ 2.4 - 3 ล้านบาทต้นๆ รายได้สุทธิต่อไร่ในเขตภาคกลางเท่ากับ 200 บาท/ไร่ และ
รายได้สุทธิต่อไร่ในเขตภาคอิสานเท่ากับ 290 บาท/ไร่ แต่การขึ้นไปยังภาคอิสาน จะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเพิ่มเติม อีก
ประมาณ 25-30 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ยังไม่ได้นําค่าเบี้ยเลี้ยง ที่พัก ค่าอาหาร ในส่วนของผู้ประกอบการมารวมในการคํานวณนี้ จาก
ข้อสมมติต่างๆ เมื่อนํามาวิเคราะห์ พบว่า อัตราผลตอบแทนของการลงทุนและระยะเวลาคืนทุนจะได้อัตราผลตอบแทนของ
(1)