Page 55 -
P. 55
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
4-2
สะอาดใหประชาชนในจังหวัดตางๆ ในป 2535 ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 ไดมีการจัดตั้งกรมควบคุมมลพิษขึ้น
จัดการและควบคุมน้ําเสีย ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 ไดมีการจัดตั้งสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
และภูมิศาสตรสารสนเทศ ขึ้นเพื่อศึกษาและจัดทําฐานขอมูลภูมิสารสนเทศ ในป พ.ศ. 2543 ในชวง
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ในป พ.ศ. 2545 ไดมีการจัดตั้งกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรับผิดชอบการจัดการ
ภัยแลงและอุทกภัยโดยเฉพาะการชวยเหลือประชาชน กรมทรัพยากรน้ําเพื่อจัดทํานโยบายและแผนการพัฒนาน้ํา
ของประเทศ กรมทรัพยากรน้ําบาดาลเพื่อพัฒนาแหลงน้ําบาดาลมาใชเพื่อกิจกรรมตางๆ กรมอุทยานแหงชาติ
สัตวปา และพันธุพืช ที่อนุรักษแหลงน้ํา โดยเฉพาะในเขตตนน้ําในเขตอุทยานแหงชาติและเขตรักษาพันธุสัตวปา
สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ที่รับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดลอมในการพัฒนา
ทรัพยากรน้ํา โดยเฉพาะการวิเคราะหผลกระทบสิ่งแวดลอม (EIA) และการวิเคราะหผลกระทบสิ่งแวดลอมที่มี
ผลตอชุมชนอยางรุนแรง ทั้งดานคุณภาพ สิ่งแวดลอม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) และองคการน้ํา
เสียที่รับผิดชอบเรื่องการจัดการน้ําเสีย ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 ในป พ.ศ. 2551 ไดมีการจัดตั้ง
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ําและการเกษตร ทําหนาที่ศึกษารวบรวมขอมูลที่สําคัญในการพยากรณน้ําเพื่อ
การเกษตร ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ไดมีการจัดตั้งสํานักนโยบายและบริหารจัดการน้ําและอุทกภัย (สบอช.)
ในป 2555 ซึ่งปจจุบันทําหนาที่รวบรวมขอมูลใหกับคณะรักษาความสงบแหงชาติ และในป พ.ศ. 2556 ไดมี
การจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อจัดทําฝนเทียมเพิ่มน้ําในพื้นที่ตางๆ ของประเทศ ลําดับการ
จัดตั้งหนวยงานตางๆ เหลานี้ไดแสดงถึงนโยบายของรัฐที่จะแกปญหาหลักทั้ง 3 ดาน คือ การขาดแคลนน้ํา
อุทกภัย และคุณภาพน้ํา มาอยางตอเนื่อง
จากการทบทวนถึงแนวคิดในอดีตที่มีการเสนอใหจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ํา เพื่อเปนองคกรบริหาร
ระดับนโยบาย ทั้งจากนักวิชาการและสถาบันวิชาการตางๆ รวมทั้งฝายการเมือง คือสภาผูแทนราษฎรนั้น
คณะวิจัยไดวิเคราะหเรื่องนี้แลวพบวา นอกจากขอบเขตของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําที่กวางขวางไม
สามารถครอบคลุมทุกภารกิจไดในกระทรวงเดียวกันแลว ยังพบวาอาจมีปญหาการประสานงานระหวาง
หนวยงานในสังกัดกระทรวงเดียวกัน คณะวิจัยจึงมีความเห็นวาการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ําไมเหมาะสมตอ
บริบทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําในปจจุบัน ซึ่งมีขอมูลที่สนับสนุนแนวคิดดังกลาวนี้คือ ในการเสนอ (ราง)
พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ํา พ.ศ. .... โดยกรมทรัพยากรน้ํา และ (ราง) พระราชบัญญัติการบริหารจัดการ
ทรัพยากรน้ํา พ.ศ. .... โดยสภาปฏิรูปแหงชาติ มิไดเสนอใหมีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ําแตอยางใด โดย
(ราง) พระราชบัญญัติทั้งสองฉบับไดเสนอใหมีองคกรบริหารระดับนโยบาย คือ “คณะกรรมการทรัพยากรน้ําแหงชาติ”
ถึงปจจุบันมีหนวยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทย มีจํานวน 29 หนวยงาน ภายใต 10 กระทรวง
และองคกรปกครองสวนทองถิ่นซึ่งปฏิบัติภารกิจที่สําคัญ 15 ภารกิจ ทั้งในพื้นที่ตนน้ํา กลางน้ํา ปลายน้ํา และ
ภารกิจสนับสนุน (ตารางที่ 4-1) จากการที่มีหนวยงานจํานวนมากซึ่งตางก็มีที่มาของอํานาจหรือกฎหมายที่ให
อํานาจเฉพาะดาน การปฏิบัติงานจึงมีทั้งความซ้ําซอนและเกิดชองวางในการแกปญหา
อยางไรก็ตามนโยบายน้ําที่สําคัญประเด็นหนึ่งในเรื่องหนวยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ําคือ “ไมมี
หนวยงานทําหนาที่กําหนดนโยบายและแผนพัฒนาทรัพยากรน้ําเปนการเฉพาะและเปนกลาง” อยูในปจจุบัน
ถึงแมวาจะมีแนวคิดในการศึกษาจากผูมีสวนไดเสียกลุมตางๆ ก็ตาม การขาดหนวยงานนโยบายกลางทําใหแต
ละหนวยงานตางก็จัดทําแผนของตนเองซึ่งมีความซ้ําซอน และขาดการบูรณาการ ไมมีทิศทางของประเทศใน
การพัฒนาทรัพยากรน้ําของประเทศในภาพรวม