Page 54 -
P. 54

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                       4-1





                                                         บทที่ 4

                                                  ผลจากนโยบายน้ําไทย


                       จากการกําหนดนโยบายน้ําในอดีตจนถึงปจจุบัน ดังที่ไดทบทวนมานั้นมีผลตอการพัฒนาทรัพยากรน้ํา
               หลายประการทั้งที่ประสบความสําเร็จและบางประการยังคงมีปญหาที่ตองไดรับการแกไข เพื่อสะทอนผลจาก
               นโยบายน้ําดังกลาว ในบทนี้จะทบทวนและวิเคราะหรวม 3 เรื่อง คือ (1) การบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทย

               (2) นโยบายน้ําไทยที่มีการคัดคาน และ (3) สถานการณทรัพยากรน้ําไทยในปจจุบัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

               4.1 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทย

                       ตอเนื่องจากอุปสรรคเรื่องนโยบายน้ําที่ไมมีเอกภาพจากสาเหตุของความไมเสถียรภาพทางการเมือง
               เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบอยครั้ง ผลจากนโยบายน้ําที่ไมมีเอกภาพดังกลาวสงผลตามมาใหเกิดปญหา
               ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทยที่ปรากฎอยูในปจจุบัน เพื่อใหเห็นถึงภาพที่ชัดเจนในเรื่องการบริหาร

               จัดการทรัพยากรน้ําไทย  จะมีการทบทวนและวิเคราะหผลจากนโยบายที่ผานมาในอดีตถึงปจจุบัน รวม 5
               เรื่อง คือ (1) องคกรการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทยในปจจุบัน (2) กฎหมายที่เกี่ยวของกับการบริหาร
               จัดการทรัพยากรน้ําไทย (3) ระบบขอมูลทรัพยากรน้ําไทย (4) ปญหาในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทย และ (5)
               ขอเสนอแนะในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําไทย มีสาระสําคัญสรุปไดดังนี้

                       4.1.1 องคกรการบริหารจัดการน้ําไทยในปจจุบัน
                       องคกรบริหารจัดการน้ําไทยในปจจุบันมี 2 ระดับ คือ หนวยงานบริหารจัดการน้ําไทยและองคกรหรือ
               คณะกรรมการระดับนโยบาย
                       จากหลักฐานที่ปรากฏในนโยบายน้ําไทย กรณีการจัดตั้งหนวยงานหลักที่เกี่ยวของกับการบริหาร

               จัดการทรัพยากรน้ํานั้น ไดมีมาอยางตอเนื่องตั้งแต พ.ศ. 2439 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการจัดตั้งกรมปาไมเพื่อ
               การอนุรักษน้ําเพื่อกํากับดูแลพื้นที่ตนน้ําลําธารและกรมเจาทาขึ้นควบคุมการใชประโยชนพื้นที่ลําน้ํา ตอมาในสมัย
               รัชกาลที่ 6 ในป พ.ศ. 2464 ไดมีการจัดตั้งกรมอุทกศาสตรกองทัพเรือขึ้นรวบรวมขอมูลดานอุทกวิทยาเพื่อจัดทํา

               ระบบเตือนภัย ในชวงรัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2470 ไดมีการเปลี่ยนชื่อกรมทดน้ําเปนกรมชลประทานเพื่อพัฒนาและ
               บริหารจัดการแหลงเก็บกักน้ําและการจัดหาน้ํา รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ชลประทาน โดยวิวัฒนาการจากกรมคลอง
               ที่จัดตั้งในป พ.ศ. 2445 และกรมทดน้ําที่จัดตั้ง พ.ศ. 2457 ในสมัยรัชกาลที่ 8 ในป พ.ศ. 2485 ไดมีการจัดตั้ง
               กรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อพยากรณภูมิอากาศและการเตือนภัย ในภาคอุตสาหกรรมไดมีการจัดตั้งกรมโรงงาน
               อุตสาหกรรม ในสมัยรัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2493 ไดมีการจัดตั้งสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ

               สังคมแหงชาติ เพื่อทําหนาที่จัดทําแผนพัฒนาประเทศ ซึ่งรวมการพัฒนาทรัพยากรน้ําเพื่อกิจกรรมตางๆ
               ในการพัฒนาประเทศ ตอมาเมื่อเริ่มแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแหงชาติ ฉบับที่ 1 ไดมีการจัดตั้งกรมพัฒนาที่ดิน
               ขึ้นในกระทรวงพัฒนาการแหงชาติ เพื่อรับผิดชอบการอนุรักษดินและน้ํา ในปจจุบันรับผิดชอบการกอสราง

               แหลงน้ําขนาดเล็กและสระน้ําในไรนา ในชวงแผนพัฒนาฉบับที่ 2 ไดมีการจัดตั้งการประปานครหลวงเพื่อจัดหาน้ํา
               สะอาดในป 2510 และในป พ.ศ. 2511 ไดมีการจัดตั้งการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย ซึ่งไดทําการกอสราง
               เขื่อนหลายแหลงทั้งเพื่อการพลังงานและการเกษตรรวมทั้งการอุปโภคบริโภค ในชวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 3
               มีการจัดตั้งกรุงเทพมหานคร โดยงานหลักที่เกี่ยวของกับเรื่องน้ํา ก็คือการปองกันอุทกภัยในเขต
               กรุงเทพมหานคร ตอมาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 4 ไดมีการจัดตั้งการประปาภูมิภาคในป 2522 เพื่อจัดหาน้ํา
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59