Page 93 -
P. 93
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
89
บทที่ 9
ความแปรปรวนในรูปรางของโครโมโซมแบบตาง ๆ
(Variation in Chromosome Types)
9.1 คํานํา
โครโมโซมที่เราสังเกตเห็นไดในการแบงเซลลแบบไมโตซิสหรือไมโอซิส มักจะเปน
โครโมโซมที่มีรูปรางปกติ อยางไรก็ตามในสิ่งมีชีวิตบางชนิด บางกลุม หรือในเนื้อเยื่อพิเศษบางชนิด
เราอาจพบโครโมโซมที่ผิดปกติ ซึ่งโครโมโซมเหลานี้มีประโยชนอยางยิ่งตอการศึกษาเกี่ยวกับเซลล
พันธุศาสตร โดยจะชวยใหความกระจางในบางสิ่งบางอยางที่ไมอาจหาคําตอบไดจากโครโมโซมที่
พบเห็นตามปกติ โครโมโซมผิดปกติที่จะกลาวถึงเปนกลุมแรก คือ โครโมโซมที่มีขนาดผิดปกติ ซึ่ง
ไดแก โครโมโซมโพลีทีน (polytene chromosome) และโครโมโซมแลมบรัช (lampbrush
chromosome) สวนอีกกลุมหนึ่งเปนโครโมโซมที่มีรูปรางผิดปกติ ไดแก โครโมโซมวงแหวน (ring
chromosome) โครโมโซมที่มีเซนโตรเมียรอยูตรงปลาย (telocentric chromosome) โครโมโซมที่มี
แขนทั้งสองขางเหมือนกัน (isochromosome) และโครโมโซม-บี (B-chromosome)
9.2 โพลีทีนีและเอนโดโพลีพลอยดี
โพลีทีนี (polyteny) และเอนโดโพลีพลอยดี (endopolyploidy) เปนผลเนื่องมาจากการเกิด
เอนโดไมโตซิส (endomitosis) เอนโดไมโตซิส คือ กระบวนการเพิ่มจํานวนโครโมโซมขึ้นเทาตัวโดย
ไมมีการแบงนิวเคลียสและไซโตพลาสซึม โดยถาโครโมโซมที่เพิ่มขึ้นอยูติดกันไมแยกออกจากกัน
เราเรียกวา โพลีทีนี ถาโครโมโซมที่เพิ่มขึ้นอยูแยกกัน แตไมสงผานไปใหเซลลลูก จึงทําใหจํานวน
โครโมโซมเพิ่มขึ้นเปนสองเทาตลอดเวลาที่มีการแบงเซลลแบบไมโตซิส กรณีนี้เราเรียกวา เอนโดโพ
ลีพลอยดี จากรูปที่ 9.1 สมมุติวามีเซลลดิพลอยดอยูหนึ่งเซลลซึ่งมีโครโมโซม 4 แทง (2n = 4) เมื่อ
เซลลนี้เกิดการแบงเซลลแบบเอนโดไมโตซิสแลวโครโมโซมไมแยกออกจากกัน เซลลที่เกิดขึ้นใหมนี้
จะมีจํานวนโครโมโซมคงเดิมไมเปลี่ยนแปลง (2n = 4) แตจํานวนโครมาติดของแตละโครโมโซมจะ
เพิ่มขึ้นจาก 2 เปน 4 และ 4 เปน 8, 16, 32 ตามลําดับ เซลลดังกลาวนี้เรียกวา โพลีทีนิค เซลล
(polytenic cell) แตถาเปนเอนโดโพลีพลอยดี เซลล (endopolyploid cell) จํานวนโครโมโซมจะเพิ่มขึ้น
เปนสองเทา (2n = 8) แตจํานวนโครมาติดของแตละโครโมโซมยังคงเดิม คือ มี 2 โครมาติด
นอกจากนี้ยังมีการพบอีกวา เอนโดโพลีพลอยดี เซลลอาจมีการแบงเซลลแบบเอนโดไมโตซิสอีก แต
โครโมโซมที่เพิ่มขึ้นไมแยกออกจากกัน จึงกลายเปนโพลีทีนิค เซลล