Page 68 -
P. 68
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
64
ตัวเพื่อสังเคราะหดีเอ็นเอ (DNA synthesis) โดยโครโมโซมมีการคลายตัวออก ตอมาระยะเอสจะมีการ
สังเคราะหดีเอ็นเอเพื่อสรางจําลองแบบโครโมโซมใหม (chromosome replication)
รูปที่ 6.3 วัฎจักรเซลลซึ่งประกอบดวยระยะการแบงเซลลแบบไมโตซิส (M) ระยะจี-1 (G ) ระยะเอส
1
(S) และระยะจี-2 (G )
2
การสังเคราะหดีเอ็นเอก็คือ การสรางจําลองแบบโมเลกุลดีเอ็นเอใหม (DNA replication)
กลไกการสรางจําลองแบบโมเลกุลดีเอ็นเอใหมเปนไปในแบบที่เรียกวา semidiscontinuous replication
โดยดีเอ็นเอเกลียวคู (double stranded DNA) จะคลายเกลียว (unwinding) และแยกออกจากกันเปนดี
เอ็นเอสายเดี่ยว (single stranded DNA) โดยอาศัยเอนไซม 2 ชนิด คือ DNA gyrase หรือ
topoisomerase ซึ่งจะทําหนาที่ตัดดีเอ็นเอสายใดสายหนึ่งใหขาดจากกันเพื่อใหดีเอ็นเอคลายเกลียวออก
จากกันได จากนั้นเอนไซม helicase จะทําหนาที่คลายเกลียวของดีเอ็นเอใหแยกออกจากกันเปนดีเอ็น
เอสายเดี่ยว 2 สาย จุดที่ดีเอ็นเอเกลียวคูแยกออกจากกันเรียกวา replication fork จากนั้นดีเอ็นเอสาย
แรก (leading strand) จะสรางดีเอ็นเอสายใหมที่มีเบสสอดคลองกับดีเอ็นเอสายเดิม (complementary)
จากปลายดาน 3′ ไป 5′ โดยอาศัยเอนไซม DNA polymerase และดีเอ็นเอที่สรางขึ้นใหมมีลักษณะเปน
เสนสายยาวตอเนื่องกัน (continuous) สวนดีเอ็นเออีกสายหนึ่ง (lagging strand) จะสรางดีเอ็นเอสาย
ใหมชากวาและสรางเปนทอนสั้น ๆ ไมตอเนื่องกัน (discontinuous) (รูปที่ 6.4) ชิ้นสวนดีเอ็นเอทอน
สั้น ๆ เหลานี้เรียกวา Okazaki fragment ซึ่งแตละทอนมีความยาว 1,000 – 2,000 คูเบสในสิ่งมีชีวิตชั้น
ต่ํา และ 100-200 คูเบสในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง จุดที่ดีเอ็นเอเกลียวคูแยกออกจากกันจะเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ
ตามความยาวที่เพิ่มขึ้นของดีเอ็นเอสายใหมที่ถูกสรางขึ้น