Page 161 -
P. 161

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                                      2-28




                                กลุมที่  3  เปนแหลงชุมชนที่เกิดขึ้นภายหลังป  พ.ศ. 2518  จนถึงปจจุบัน      ซึ่งเปน
                  ชุมชนที่ไมปรากฎหลักฐานในภาพถายทางอากาศโครงการ  น.ส.3  และมิใชชุมชนในเขตตนน้ําลําธาร
                  แลวจะอนุญาตใหเขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยเปนการชั่วคราวตามมาตรา 16 แหงพระราชบัญญัติปา

                  สงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507
                                กรณีนี้เปนการดําเนินการเฉพาะที่เปนแหลงชุมชนที่อยูในเขตปาสงวนแหงชาติ  จึงไม
                  เกี่ยวของกับการดําเนินการตามโครงการ สทก. ที่กรมปาไมกําลังดําเนินการอยู”

                         วันที่    26    กุมภาพันธ    2528  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักเกณฑการชวยเหลือราษฎรตาม
                  โครงการเพิกถอนสภาพปาที่เปนที่ตั้งชุมชนเฉพาะในเขตปาสงวนแหงชาติ  โดยแบงการชวยเหลือออกเปน
                  3  กลุม  คือ  ชุมชนที่เกิดกอนป    2510    ใหไดรับเอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน  ชุมชนที่เกิดขึ้น
                  ระหวางป 2510-2518 ใหสิทธิ์อยูอาศัยในรูปสิทธิทํากิน ชุมชนที่เกิดในภายหลังป 2518 อนุญาตใหเขาอยู

                  อาศัยหรือทําประโยชนเปนการชั่วคราว ตามมาตรา 16 แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507

                         วันที่  11  กันยายน  2528   ไดมีการประกาศใชพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.
                  2528 ในราชกิจจานุเบกษา เลม 102 ตอนที่ 124
                                พระราชบัญญัติฉบับนี้ไดมีบางมาตราที่เกี่ยวของกับการจัดที่ดินทํากิน ดังนี้

                                มาตรา 16  อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอํานาจอนุญาตใหบุคคลหนึ่งบุคคลใดเขาทํา
                  ประโยชนหรืออยูอาศัยในเขตปาสงวนแหงชาติได ในกรณีดังตอไปนี้
                                (1)   การเขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยในเขตปาสงวนแหงชาติ    คราวละไมนอยกวาหาป

                  แตไมเกินสามสิบป  ในกรณีที่ผูไดรับอนุญาตเปนสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ  ตามกฎหมายวาดวยวิธีการ
                  งบประมาณ จะอนุญาตโดยใหยกเวนคาธรรมเนียมทั้งหมดหรือบางสวนตามที่เห็นสมควรก็ได
                                (2)  การเขาทําประโยชนเกี่ยวกับการทําเหมืองแรตามกฎหมายวาดวยแร คราวละไมเกิน
                  สิบปโดยใหไดรับยกเวนไมตองขอรับใบอนุญาตเก็บหาของปา  และไมตองเสียคาภาคหลวง  ของปาตาม

                  พระราชบัญญัตินี้สําหรับแร ดินขาว หรือหิน แลวแตกรณี
                                การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง        ใหเปนไปตามหลักเกณฑวิธีการและ
                  เงื่อนไขที่อธิบดีกําหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี
                                มาตรา  16  ทวิ    ในกรณีที่ปาสงวนแหงชาติทั้งหมดหรือบางสวนมีสภาพเปนปาไรรางเกา

                  หรือทุงหญา หรือเปนปาที่ไมมีไมมีคาขึ้นอยูเลย หรือมีไมมีคาที่มีลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนสวนนอย และ
                  ปานั้นยากที่จะกลับฟนคืนดีตามธรรมชาติ  ทั้งนี้โดยมีสภาพตามหลักเกณฑและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกําหนด
                  โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี ใหถือวาปาสงวนแหงชาติในบริเวณดังกลาวเปนปาเสื่อมโทรม
                                ถาทางราชการมีความจําเปนตองปรับปรุงพื้นฟูสภาพปาเสื่อมโทรม  ใหรัฐมนตรีประกาศ

                  กําหนดเขตปาเสื่อมโทรมทั้งหมดหรือบางสวนเปนเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติ
                                ในเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติ     ถาบุคคลใดไดเขาทําประโยชนหรืออยูอาศัยในเขต
                  ดังกลาวอยูแลวจนถึงวันที่ประกาศกําหนดตามวรรคสอง
                                (1)  เมื่อบุคคลดังกลาวรองขอ  และอธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นวาบุคคลนั้นยังมี

                  ความจําเปนเพื่อการครองชีพ อธิบดีหรือผูซึ่งอธิบดีมอบหมาย มีอํานาจอนุญาตเปนหนังสือใหบุคคล
                  ดังกลาวทําประโยชนและอยูอาศัยตอไปในที่ที่ไดทําประโยชนหรืออยูอาศัยอยูแลวนั้นได  แตตองไมเกิน
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166