Page 89 -
P. 89
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
79
บทที่ 4
การอัดตัวของดิน (Soil Compaction)
ก่อนจะขึ้นเนื้อหาบทนี้ ขอท าความเข้าใจเกษตรกรรมที่ลุ่มแปลงนาข้าว (lowland
paddy fields) และแปลงพืชไร่ (upland fields) แตกต่างกันอย่างไร ทั้งนี้ชั้นดิน plow -
pan จ าเป็นมากส าหรับแปลงนาข้าว ในขณะที่ดินชั้น plow - pan ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ในแปลงพืชไร่ เมื่อปรากฏดินชั้น plow - pan ในแปลงปลูกพืชไร่จ าเป็นต้องท าลายดินชั้น
plow – pan โดยการไถดินอัดแน่นชั้นส่วนลึกนั้น
4.1 Plow – Pan Layer
ปกติการท าเกษตรกรรมที่ลุ่มแปลงนาข้าว จ าเป็นต้องท าให้เกิดดินชั้น plow – pan
เหนือดินชั้น subsoil และขณะเดียวกันดินชั้นบน (topsoil) อยู่เหนือดินชั้น plow – pan
และจ าเป็นอย่างมากจะต้องหลีกเลี่ยงการท าลายดินชั้น plow – pan ในขณะที่เกษตรกรปลูก
พืชไร่ในประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา ต้องการท าลายดินชั้น plow – pan ที่เกิดใน
แปลงเกษตรกรรม ตรงกันข้ามกับการท านาข้าวในประเทศแถบเอเชีย เกษตรกรต้อง
พยายามรักษาดินชั้น plow – pan ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยปกติแล้วเกษตรกรท านา
จะใช้ระบบการท านาโดยวิธีปักด าต้นกล้าข้าว ภายหลังจากท าเทือกดินในนาข้าว (puddling
paddy soil) และการหว่านน ้าตมหรือหว่านข้าวงอก (ชาญพิทยา , 2542) โดยปกติเกษตรกร
จะเดินท างานร่วมกับแรงงานสัตว์และรถไถเดินตามต้นก าลังหรือเกษตรกรนั่งขับรถ
แทรกเตอร์ 4 ล้อวิ่งบนดินชั้น plow – pan ดินชั้น plow – pan มีค่าความแข็งปกติตามที่
2
แสดงโดยค่า cone index เท่ากับ 392 – 686 kPa หรือ 4 – 7 kgf / cm ทั่วไปดินชั้นนี้มี
ความหนา 10 – 15 cm (Sakai , 1999) สามารถรับน ้าหนักเกษตรกร แรงงานสัตว์และ
เครื่องจักรกลเกษตร ในขณะท างานผู้ปฏิบัติงานจะต้องเดินไม่จมลึกเกินไปในโคลน แต่
ควรจะสามารถยืนหรือท างานบนผิวชั้น plow – pan ได้ นอกจากนี้ความต้องการน ้า
ชลประทานในปริมาณมากเกินไป เป็นต้นว่าต้องการน ้าชลประทานปริมาณมากกว่าความ
สูง 40 mm ต่อวัน (Sakai , 1999) โดยที่แปลงนาอาจจะไม่สามารถกักเก็บน ้าไว้ได้ มี