Page 22 -
P. 22

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                                                                                             12








                                M w  :    มวลน ้าในดิน

                                M s  :    มวลของแข็ง

                                M t  :    มวลรวม



                         (ก) ความหนาแน่นอนุภาค (density  of  solids หรือ particle  density),  s


                                                s    =   M s  / V s


                         ความหนาแน่นอนุภาค    เป็ นค่าอัตราส่วนมวลสภาพแห้งของดิน (M s) ต่อค่า

                  ปริมาตรส่วนของแข็ง (V s)   โดยทั่วไปความหนาแน่นอนุภาคมีค่า 2.6 – 2.7 g/cm ( Daniel,
                                                                                       3
                  1980)  ใกล้เคียงค่าความหนาแน่น (density) ของแร่ควอตซ์ (quartz)  แร่เหล็กอ๊อกไซด์ (iron
                  oxides)  และแร่โลหะหนัก (heavy minerals) หลายชนิด   มีค่าความหนาแน่นสูงกว่าค่าความ

                  หนาแน่นอนุภาค  ส่วนค่าความหนาแน่นของอินทรียวัตถุ  มีค่าต ่ากว่าค่าความหนาแน่น

                  อนุภาค    ในบางกรณีค่าความหนาแน่นอนุภาคจะแสดงในเทอมของค่าความถ่วงจ าเพาะ
                  อนุภาค (specific gravity of solids)   นั่นคือค่าความถ่วงจ าเพาะอนุภาค  หมายถึง  ค่า

                  อัตราส่วนระหว่างค่าความหนาแน่นอนุภาค    ต่อค่าความหนาแน่นของน ้าที่อุณหภูมิ 4 C
                                                                                             
                  ความดันบรรยากาศ (atmospheric pressure)  ในระบบเมตริก (metric system) ค่าความ

                  หนาแน่นของน ้าที่  ณ อุณหภูมิมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 1   นั่นคือค่าความถ่วงจ าเพาะอนุภาคใน
                  เชิงตัวเลขมีค่าเท่ากับค่าความหนาแน่นอนุภาค



                  ความถ่วงจ าเพาะอนุภาค (Specific gravity of solids)

                         อนุภาคอาจจะรวมถึง  ก้อนกรวด (gravel)  อนุภาคทราย  อนุภาคทรายแป้ง  อนุภาค
                  ดินเหนียว  และอินทรียวัตถุ  มีวิธีหลัก 2 วิธีที่ใช้ส าหรับวัดค่าความถ่วงจ าเพาะอนุภาค   วิธี

                  แรกคือ  water  pycnometer  ตาม  ASTM  D854  –  91      และวิธีที่  2  คือ    air  pycnometer

                  (ASAE,1994)  หลักการวัดของทั้งสองวิธีคือใส่ดินอบแห้ง (oven – dried  soil) ในภาชนะที่
                  ทราบค่าปริมาตรจากการปรับเทียบปริมาตร  (calibrated  volume)        จากนั้นเทของเหลวที่
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27