Page 56 -
P. 56

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





 พ.ศ. 2448  พ.ศ. 2451                           พ.ศ. 2453                            พ.ศ. 2460
 โรงเรียนช่างไหมเปิดแผนกเพาะปลูก   กระทรวงเกษตราธิการก่อตั้งโรงเรียน   รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จัดงานแสดงกสิกรรม  ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมหอวัง
 เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนวิชาการเพาะปลูก  เพื่อผลิตข้าราชการของกระทรวง  และพาณิชยการครั้งที่ 1 ที่วังสระปทุม  (พระราชวังวินด์เซอร์)




                  ในห้วงเวลาที่ชาติตะวันตกกำาลังแผ่อิทธิพลมายังภูมิภาค  ที่มหาวิทยาลัย Cornell ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาพัฒนา
            เอเชียช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 “นักเรียนนอก” หลายพระองค์  งานเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะด้านนาทดลองและสถานีทดลอง
            และหลายคน สำาเร็จการศึกษาและทยอยกลับมาสู่ประเทศสยาม   พันธุ์พืชต่างๆ
            นักเรียนนอกเหล่านี้เป็นผลผลิตจากสายพระเนตรอันยาวไกล          วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451 กระทรวงเกษตราธิการ
            ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระกรุณา  ได้เปิด “โรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการ” ขึ้น เพื่อมุ่งผลิตบุคลากร

            โปรดเกล้าฯ ให้บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ลูกหลานข้าราชการ  ป้อนเข้าสู่ระบบราชการของกระทรวง หลังจากนั้นจึงได้ย้ายโรงเรียน
            และนักเรียนทุน ไปศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาจากต่างประเทศเพื่อ  วิชาการเพาะปลูกมารวมกับอีกสองโรงเรียนในสังกัดของกระทรวง
            กลับมารับราชการและพัฒนาสยามให้ทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ  คือโรงเรียนแผนที่ และโรงเรียนกรมคลอง โดยจัดการเรียนการสอน            47

            ยุคนั้น                                                 ขึ้นที่วังสระปทุม
                  ในบรรดานักเรียนนอกที่สำาเร็จการศึกษากลับมา หนึ่งในนั้น     ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น
            คือ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า  เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ซึ่งสำาเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยฝึกหัดครู
            เพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม) ทรงสำาเร็จการศึกษา  Borough Road ประเทศอังกฤษ ได้ขึ้นดำารงตำาแหน่งเสนาบดี
            ด้านวิชาเพาะปลูกจากประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2444 และเสด็จ  กระทรวงธรรมการ และดำาริที่จะออกพระราชบัญญัติประถมศึกษา

            กลับมาร่วมงานด้านการเลี้ยงไหม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกราคาดีของ  ให้เด็กไทยทั่วประเทศได้เข้าเรียนหนังสือ (การศึกษาภาคบังคับ)       72 ปี เกษตรศาสตร์ พิพัฒน์แผ่นดินไทย        ก่อนจะถึงทศวรรษที่ 1
            สยามยุคนั้น พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ทรงงานร่วมกับนายโทยามา   แต่เกิดความกังวลว่า เมื่อเด็กจบการศึกษาจะหันมาฝักใฝ่แต่ใน
            ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงไหมชาวญี่ปุ่น และทรงตั้งสถานีทดลองเลี้ยงไหม  งานเสมียนหรือจับปากการับราชการเสียหมด และละทิ้งการทำางาน

            ขึ้นที่ตำาบลศาลาแดง ต่อมาในปี พ.ศ. 2446 จึงยกระดับฐานะ  ออกแรงหรือใช้มือทำา จึงได้ปรึกษากับพระยาเทพศาสตร์สถิตย์
            หน่วยงานนี้ขึ้นเป็น “กรมช่างไหม” โดยพระองค์ทรงดำารงตำาแหน่ง
            เจ้ากรม และก่อตั้ง “โรงเรียนช่างไหม” ควบคู่กันในอีก 1 ปีถัดมา เพื่อ
            จัดสอนวิชาการเลี้ยงไหมขั้นสูง และผลิตพนักงานไหมทดแทน
            ผู้เชี่ยวชาญจากชาวญี่ปุ่นที่ว่าจ้างมา

                  ในปี พ.ศ. 2448 การศึกษาด้านการเกษตรในประเทศสยาม
            ถือกำาเนิดขึ้น ณ โรงเรียนช่างไหมแห่งนั้นเอง เมื่อมีการเพิ่มหลักสูตร
            ด้านการเพาะปลูกในการเรียนการสอน และได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน

            เป็น “โรงเรียนวิชาการเพาะปลูก” เพื่อขยายงานสอนให้ครอบคลุม
            ไปถึงด้านการเกษตร ทว่าในความเป็นจริงยังมิได้มีการสอนด้าน
            หลักกสิกรรมอย่างจริงจัง เพราะมีเพียงการสอนเรื่องการทำาไหม แต่
            กระนั้นยังมีศิษย์เก่าที่สำาเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนี้ ได้ไปศึกษาต่อ
            ด้านการเกษตรโดยตรงในต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น พระยาโภชากร

            (ตรี มิลินทสูต) ผู้จบจากโรงเรียนวิชาการเพาะปลูกและไปศึกษาต่อ   ภาพนักเรียนหลักสูตรประโยคครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก.) รุ่นแรกสวนหลวง (หอวัง) ปี พ.ศ. 2460
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61