Page 115 -
P. 115
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
106
0 0 1 0 0 -1 0 0 1 0 0
0 1 2 3 0 1 2 3 3 2 1
0 0 1 1 0 0 0 1 0 0 -1
สัญญาณสองมิติ f(x,y) มาสค m(i,j) Rotated mask
Correlation Convolution
ผลลัพธแบบ ‘full’ ผลลัพธแบบ ‘full’
0 0 1 0 0 0 0 0 0 -1 0 0 0 0
0 1 5 5 1 0 0 0 -1 -1 -1 3 0 0
0 3 9 15 7 3 0 0 1 3 9 13 9 0
0 0 3 4 1 -2 0 0 0 1 4 7 6 0
0 0 0 0 -1 -1 0 0 0 0 0 1 1 0
ผลลัพธแบบ ‘same’ ผลลัพธแบบ ‘same’
1 5 5 1 0 -1 -1 -1 3 0
3 9 15 7 3 1 3 9 13 9
0 3 4 1 -2 0 1 4 7 6
รูปที่ 4.6 การทําคอรีเลชัน(ซาย) และคอนโวลูชัน (ขวา) ของสัญญาณ 2 มิติ
ผลลัพธที่ไดจากการคอรีเลชันแสดงถึงความสัมพันธของสัญญาณสองสัญญาณใน
ที่นี้คือ f(x) และ m(i) วาสัญญาณทั้งสองมีความเหมือนกันมากนอยแคไหน จากรูปที่
4.5 และ 4.6 จะเห็นวาคอรีเลชันจะใหผลลัพธสูงสุดบริเวณที่สัญญาณทั้งสอง
เหมือนกันมากที่สุด ทําใหนิยมนําคอรีเลชันไปประยุกตใชหาสัญญาณที่เราตองการ
เทคนิคการหานี้จะเรียกวา การทํา template matching วิธีนี้จะกําหนดมาสคใหมี
ลักษณะตามสัญญาณที่เราตองการคนหา โดยจะเรียกมาสคนี้วา เทมเพลท (template)
เทมเพลทที่สรางขึ้นจะถุกนําไปคอรีเลทกับภาพตนฉบับ โดยทั่วไปผลลัพธที่ไดจาก
การทําคอรีเลชันจะใหคาสูงสุดที่ตําแหนงของภาพที่มีลักษณะเหมือนเทมเพลทมาก