Page 261 -
P. 261

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                 ระยะเวลา
                     เริ่มต้น  2560  สิ้นสุด  2562
                  สถานที่ทำการทดลอง

                     กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และแปลงเกษตรกร จังหวัดชัยภูมิ
                                                  ผลการทดลองและวิจารณ์
                       ได้ทำการทดลองปลูกพริกขี้หนูผลใหญ่ในแปลงเกษตรกร จังหวัดชัยภูมิ  ก่อนทำการทดลองตรวจสอบคุณสมบัติ
               ของดิน (ตารางที่ 10)  ในปี 2561 ปลูกพันธุ์หัวเรือ ศก.13 และ ปี 2562 ปลูกพันธุ์จินดา ศก.1 (ภาพที่ 1)  จากผลการ
               ทดลองในปี 2561 พบว่าการเจริญเติบโต (ความสูงและทรงพุ่ม) และผลผลิต (ตารางที่ 1 - 3) ในกรรมวิธีไม่ใส่ และใส่รา
               อาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาไม่แตกต่างกัน  ในการใส่ปุ๋ยฟอสเฟตแต่ละระดับก็ไม่แตกต่างเช่นกัน แต่ในระดับ 75% และ

               100% ของอัตราแนะนำ มีแนวโน้มให้การเจริญเติบโตและผลผลิตดีกว่า 0% และ 50% ทั้งนี้อาจเนื่องจากในดินก่อนปลูก
               มีความเป็นประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสต่ำ ดังนั้นการใส่ปุ๋ยฟอสเฟตที่ระดับสูงขึ้นจึงมีความจำเป็นต่อพืชที่จะนำไปใช้ได้
               ในการทดลองนี้พบการเข้าทำลายของโรคเชื้อราและแมลง ในระยะแรกก่อนการฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อราและแมลง (ภาพที่
               2) จึงทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโตและยังทำให้ผลผลิตของพริกลดลงอย่างมาก จาก 1,740 กก. ต่อไร่ (ศูนย์วิจัยพืชสวน,
               2559) เหลือเพียงประมาณ 430 กก. ต่อไร่ (ตารางที่ 3)
                     จากการทดลองปี 2562  ต้นพริกที่ 36 วันหลังปลูกลงแปลง (ตารางที่ 4) ถ้าไม่ใส่ราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา
               การใส่ปุ๋ยฟอสเฟตที่ระดับ 100% ทำให้มีความสูงต้นมากที่สุด คือ 28.5 ซม. ถ้ามีการใส่รา การใส่ปุ๋ยที่ระดับ 0% และ
               75% ทำให้มีความสูงต้นมากที่สุด คือ 31.9 ซม. และ 30.5 ซม. ตามลำดับ  ในแต่ละระดับของการใส่ปุ๋ยฟอสเฟต ที่ 0%
               50% และ 75% ร่วมกับการใส่รา ทำให้มีความสูงที่ดีกว่าไม่ใส่ คือ 31.9 ซม. 24.8 ซม. และ 30.5 ซม. ตามลำดับ จากผล
               ที่ได้ชี้ให้เห็นว่าการใส่ราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาอาจช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยได้ดีขึ้น และช่วยปลดปล่อย
               ธาตุฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์น้อยในดิน ให้พืชสามารถใช้ประโยชน์ได้ ในสภาพดินที่ค่อนข้างเป็นกรด (ตารางที่ 10) ซึ่งมี
               ความเป็นประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสน้อย   ในระยะ 36 วันหลังปลูกนี้ ยังไม่พบการเข้าทำลายของเชื้อรา เนื่องจากมี
               การใช้สารชีวภัณฑ์บีเอส (บาซิลลัส ซับทิลิส 20W33) ฉีดพ่นป้องกันก่อนการเกิดโรค และยังไม่พบการเข้าทำลายของ
               แมลง จึงยังไม่ได้ฉีดสารป้องกันกำจัดแมลง ต่อมาได้พบการแพร่ระบาดของแมลงดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบในภายหลัง รวมถึง

               โรคที่เกิดจากไวรัส ทำให้พริกเกิดอาการใบด่าง ใบงอบิดเบี้ยว (ภาพที่ 3) ทำให้ต้นพริกที่อายุ 78 วันหลังปลูก (ตารางที่ 6
               - 8) มีการเจริญเติบโตไม่แตกต่างกัน และน้ำหนักผลผลิตที่ได้ไม่มีความแตกต่างเช่นกัน ทำให้ผลผลิตลดลงจาก 1,100 กก.
               ต่อไร่ (ศูนย์วิจัยพืชสวน, 2559) เหลือเพียงประมาณ 190 กก. ต่อไร่ (ตารางที่ 8)  อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า ที่การ
               เจริญเติบโตทั้ง 36 วันและ 78 วันหลังปลูก รวมถึงผลผลิต มีแนวโน้มดีกว่า เมื่อมีการใส่ราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาร่วม
               ด้วย  ถึงแม้ว่าผลการทดลองจะพบการเข้าทำลายของโรคอย่างรุนแรง แต่มีแนวโน้มว่าการใส่ราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา
               ร่วมกับการใช้ปุ๋ยฟอสเฟตที่อัตราแนะนำ 75% มีแนวโน้มให้ผลผลิตดีที่สุด จะเห็นได้จากความสูงของต้นพริกจินดา ศก.1
               ที่ 36 วันหลังปลูก (ตารางที่ 4) ซึ่งเป็นระยะที่ยังไม่พบการเกิดโรค
                     จากการปลูกพริกทั้งสองการทดลอง ไม่พบปัญหาโรครากเน่าโคนเน่า แต่พบโรคที่เกิดกับส่วนบนดิน เช่น โรคแอน
               แทรคโนส และไวรัสที่มีแมลงเป็นพาหะ ซึ่งการทำลายของโรคที่เกิดเหนือพื้นดินสามารถทำความเสียหายให้กับผลผลิตถึง
               75-83%  ดังนั้นจึงควรมีการจัดการป้องกันโรคก่อนการเข้าทำลายร่วมกับการจัดการทางด้านปุ๋ย จึงจะทำให้การผลิตพริก
               มีประสิทธิภาพมากที่สุด หลังจากนั้นจึงจะเกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หากเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยฟอสเฟต
               100% ของอัตราแนะนำ กับ การใช้ปุ๋ยฟอสเฟต 75% ร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา จะทำให้มีต้นทุน
               เพิ่มขึ้นเพียง 256 - 360 บาท ต่อไร่ (ตารางที่ 11)






                                                          253
   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265   266