Page 22 -
P. 22

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



               ปอกเปลือกสูงที่สุด คือ 2,222 และ 1,582 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ (ตารางที่ 2) ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ กัลยกร
               และคณะ (2560) ที่รายงานว่าผลการทดลองในปี 2555-2556 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลพบุรี (ปัจจุบัน คือ
               ศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี) กรรมวิธีที่ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำ (26-0-5 กก. N-P 2O 5-K 2O

               ต่อไร่) น้ำหนักฝักสดรวมเปลือกและน้ำหนักฝักสดปอกเปลือกสูงที่สุด ส่วนผลการทดลองในแปลงที่ 2 ศูนย์วิจัยและ
               พัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ พบว่า ทุกกรรมวิธีทดลองมีน้ำหนักฝักสดรวมเปลือกและน้ำหนักฝักสดปอกเปลือกแตกต่าง
               กันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยกรรมวิธีที่ 5 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์แบบที่ 2 ร่วมกับปุ๋ยเคมี 30-10-5 กก. N-P 2O 5-K 2O
               ต่อไร่ มีน้ำหนักฝักสดรวมเปลือกและน้ำหนักฝักสดปอกเปลือกสูงที่สุด คือ 2,069 และ 1,493 กิโลกรัมต่อไร่
               แต่ไม่แตกต่างกับกรรมวิธีที่ 1, 4, 6 และ 7 และยังพบว่ากรรมวิธีที่ 2 และ 3 ที่ใส่เพียงปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียวมีน้ำหนัก
               ฝักสดรวมเปลือกและน้ำหนักฝักสดปอกเปลือกต่ำสุด (ตารางที่ 2) จากผลการทดลองข้างต้นขัดแย้งกับรายงาน
               ของ Hungria et al. (2010) ที่กล่าวว่า การใส่เชื้อ Azospirillum brasilense ก่อนการปลูกสามารถช่วยเพิ่มผลผลิต
               ข้าวโพดได้ 24-30 % เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ใส่เชื้อ
               3. ความหวาน
                      ตามพระราชบัญญัติสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 หรือ มกษ.1512-2554 (สำนักมาตรฐานสินค้าเกษตรและ

               อาหารแห่งชาติ, 2554)  ได้กำหนดนิยามของ ข้าวโพดหวาน ว่า หมายถึง ข้าวโพดที่มีความหวาน โดยมีปริมาณ
                                                              o
               ของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ไม่น้อยกว่า 9 องศาบริกซ์ (  brix) ในลักษณะทั้งฝักที่มีหรือไม่มีเปลือกหุ้ม เมล็ดติดกับ
               ซัง จากผลการทดลองพบว่า ข้าวโพดหวานพันธุ์ไฮบริกซ์ 3 ที่ปลูกในแปลงทดลองที่ 1 และ 2 ทุกกรรมวิธีทดลองมีความ
               หวานสูงกว่าที่กำหนด และไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (ตารางที่ 2) โดยกรรมวิธีที่ 2 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์แบบที่ 1
               มีความหวานสูงที่สุด คือ 14.8 และ 18.1 องศาบริกซ์ ตามลำดับ ดังแสดงในตารางที่ 1
               4. ประชากรแบคทีเรีย
                      โดยทั่วไปหลังการใส่ปุ๋ยชีวภาพปริมาณประชากรแบคทีเรียจะลดอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เนื่องจากความไม่
               สม่ำเสมอของสภาพแวดล้อมซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ จึงมักพบว่าผลการทดลองในสภาพปลอดเชื้อกับในธรรมชาติมีความ

               แตกต่างกันมาก (Bashan and Levanony, 1990, สมปองและศุภมาศ, 2551, Meunchang et al., 2006a,
               Meunchang et al., 2006b)  ในการทดลองนี้ก่อนเริ่มทำการทดลองได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างดินเพื่อนับจำนวน
               ประชากรแบคทีเรียทั้ง 3 ชนิด พบว่า ในแปลงทดลองที่ 1 ศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี มีจำนวนประชากร
               Azospirillum sp. อยู่ระหว่าง 5.66-7.01 Log 10 CFU/ml Azotobacter sp. อยู่ระหว่าง 4.14-6.48 Log 10 CFU/ml
               และ Beijerinkia sp. อยู่ระหว่าง 4.62-6.34 CFU/ml ส่วนแปลงทดลองที่ 2 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์
               มีจำนวนประชากร Azospirillum sp. อยู่ระหว่าง 5.66-6.95 Log 10 CFU/ml Azotobacter sp. อยู่ระหว่าง 5.16-5.99
               Log 10 CFU/ml และ Beijerinkia sp. อยู่ระหว่าง 5.26-5.79 Log 10 CFU/ml และหลังการทดลอง พบว่า ในแปลงทดลอง
               ที่ 1 ศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี กรรมวิธีทดลองที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ทั้งสองแบบทำให้จำนวนประชากร
               Azospirillum sp. ในดินเพิ่มสูงขึ้นกว่ากรรมวิธีที่ 1 (ตารางที่ 3) และยังพบว่าทุกกรรมวิธีทดลองที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์
               ทำให้จำนวนประชากร Azotobacter sp. และ Beijerinkia sp. ในดินเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้แบคทีเรียที่ได้กล่าว
               มาแล้วสามารถส่งเสริมให้มีการตรึงไนโตรเจนในราก โดยกรรมวิธีที่ 2 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์แบบที่ 1 เพียงอย่างเดียว
               มีประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจนสูงที่สุด คือ 0.135 µmol C 2H 2 hr  รองลงมา คือ กรรมวิธีที่ 5 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์
                                                                    -1
               แบบที่ 2 ร่วมกับปุ๋ยเคมี 20-5-10 กก. N-P 2O 5-K 2O ต่อไร่ และกรรมวิธีที่ 6 ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์แบบที่ 1 + 15-3.75-7.5
               กก. N-P 2O 5-K 2O ต่อไร่ มีประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจน 0.124 µmol C 2H 2 hr  (ตารางที่ 3) ส่วนแปลงทดลองที่ 2
                                                                               -1

               ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ พบว่า ทุกกรรมวิธีทดลองที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ทำให้จำนวนประชากร
               Azospirillum sp. Azotobacter sp. และ Beijerinkia sp. ในดินเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับแปลงทดลองที่ 1 ดังแสดง
               ในตารางที่ 2 นอกจากนี้ยังพบว่า กรรมวิธีที่ 2 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์แบบที่ 1 และกรรมวิธีที่ 5 ใส่ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์
               แบบที่ 2 ร่วมกับปุ๋ยเคมี 30-10-5 กก. N-P 2O 5-K 2O ต่อไร่ มีประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจนสูงที่สุด คือ 0.072 µmol
                      -1
               C 2H 2 hr  (ตารางที่ 3)

                                                           14
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27