Page 199 -
P. 199

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                        แปลงทดลองดินร่วนทรายที่แปลงเกษตรกร ต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี
                        การเจริญเติบโตของข้าวโพดหวานเมื่ออายุ 30 วัน พบว่า ปัจจัยหลักคือการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 1,040 กก.
               น้ำหนักแห้ง/ไร่ มีความสูงของต้นข้าวโพดมากที่สุด 43.4 เซนติเมตร รองลงมาได้แก่ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.

               น้ำหนักแห้ง/ไร่ และไม่มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีความสูง 40.5 และ 39.0 เซนติเมตร ตามลำดับ ปัจจัยรอง คือ การใส่ปุ๋ยเคมี
               อัตรา 0-5-10 10-5-10 15-5-10 และ 20-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ โดยไม่มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์มีความสูงของข้าวโพด
               ไม่แตกต่างกันทางสถิติ ในขณะที่การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 10-5-10
               N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ ข้าวโพดมีความสูงมากที่สุด 45.2 เซนติเมตร ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-5-10
               N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ มีความสูง 40.4 เซนติเมตร แต่แตกต่างกันทางสถิติกับการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 20-5-10 N-P 2O 5-K 2O
               กก./ไร่ และการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ มีความสูง 39.1 และ 37.1 เซนติเมตร ตามลำดับ (Table 11)
                        เมื่ออายุ 60 วัน พบว่า ปัจจัยหลักคือการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ มีความสูงของต้น
               ข้าวโพดมากที่สุด 142.4 เซนติเมตร รองลงมาได้แก่ ไม่มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.น้ำหนัก
               แห้ง/ไร่ มีความสูง 130.8 และ 130.7 เซนติเมตร ตามลำดับ ปัจจัยรอง คือ การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-5-10 N-P 2O 5-K 2O
               กก./ไร่ โดยไม่มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ มีความสูงของข้าวโพดมากที่สุด 140.8 เซนติเมตร ไม่แตกต่างทางสถิติกับการใส่ปุ๋ยเคมี
               อัตรา 20-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ แต่แตกต่างกันทางสถิติกับการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 และ 10-5-10 N-P 2O 5-K 2O
               กก./ไร่ ที่มีความสูง 126.1 และ 125.3 เซนติเมตร ตามลำดับ ในขณะที่การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 และ 1,040 กก.
               น้ำหนักแห้ง/ไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 10-5-10 15-5-10 และ 20-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ มีความสูง
               ข้าวโพดไม่แตกต่างกันทางสถิติ (Table 11)
                        ผลผลิตข้าวโพดหวาน (Table 12) พบว่า ปัจจัยหลัก คือ การไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.

               น้ำหนักแห้ง/ไร่ และการใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ย
               อินทรีย์อัตรา 1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ให้ผลผลิตสูงสุด 3,358.1 กก./ไร่ รองลงมาได้แก่ การไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และการใส่
               ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ที่ให้ผลผลิต 3,273.6 และ3,122.7 กก./ไร่ ตามลำดับ และปัจจัยรองมีความ
               แตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-5-10 (N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่) ให้ผลผลิตสูงสุด 3,325.7 กก./ไร่ รองลงมา
               ได้แก่ การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 20-5-10 และ10-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ ให้ผลผลิต 3,250.9 3,218.4 และ
               3,210.8 กก./ไร่ ตามลำดับ
                        ปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ในสารละลาย (Total Soluble Solids, TSS) ของข้าวโพดหวาน (Table 13)
               พบว่า ปัจจัยหลัก คือ การไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ และการใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา
               1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยการไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้
               ในสารละลายมากที่สุด 13.1 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ รองลงมาได้แก่ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 520 และ1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่
               มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ในสารละลายเฉลี่ย 13.0 และ12.8 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ ตามลำดับ และปัจจัยรอง คือ
               การใส่ปุ๋ยเคมีอัตราอ0-5-10 10-5-10 15-5-10 และ20-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำ
               ได้ในสารละลายไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 (N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่) มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่
               ละลายน้ำได้ในสารละลายมากที่สุด 13.2 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ รองลงมาได้แก่ การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-5-10 20-5-10 และ

               10-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ในสารละลาย 13.0 12.9 และ 12.7 เปอร์เซ็นต์บ
               ริกซ์ ตามลำดับ
                        ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (Table 14) พบว่า การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ ร่วมกับปุ๋ย
               อินทรีย์ (กากตะกอนหม้อกรองอ้อย) อัตรา 1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์มากที่สุด โดยมีค่า
               VCR (value cost ratio) เท่ากับ 5.0 แสดงว่ากรรมวิธีดังกล่าวมีสัดส่วนระหว่างมูลค่าผลผลิตเพิ่มต่อมูลค่าปุ๋ยที่ใช้เพิ่มได้
               อย่างคุ้มค่ามากที่สุด รองลงมาได้แก่ การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 10-5-5 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ (กากตะกอน
               หม้อกรองอ้อย) อัตรา 1,040 กก.น้ำหนักแห้ง/ไร่ และปุ๋ยเคมีอัตรา 20-5-10 N-P 2O 5-K 2O กก./ไร่ ที่มีค่า VCR เท่ากับ
               1.7 และ1.2 ตามลำดับ


                                                          191
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204