Page 4 -
P. 4

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
                 2                          Thai J. For. 35 (1) : 1-10 (2016)



                                                      บทคัดย่อ


                        การศึกษาต�าแหน่งรังราชินีมดแดงในประเทศไทยด�าเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2556 ถึง พ.ศ. 2557 เพื่อทราบ
                 ขนาด ลักษณะโครงสร้าง ต�าแหน่งและทิศทางของรังมดราชินี การหาต�าแหน่งรังราชินีพิจารณาจากพฤติกรรมการ

                 ปกป้องราชินีของมดงานเป็นหลัก นอกจากนี้ท�าการนับจ�านวนต้นไม้ที่มดแดงแต่ละโคโลนีครอบครอง จ�านวนรัง
                 แยกตามขนาดรัง ลักษณะรัง วัดความสูงต้นไม้ ความสูงและความกว้างเรือนยอดต้นไม้ ความหนาแน่นและพฤติกรรม
                 มดงานของแต่ละโคโลนี
                        จากการศึกษาพบราชินีมดแดง 1 ตัวต่อโคโลนี ซึ่งอาศัยอยู่เฉพาะในรังขนาดเล็ก บนต้นไม้ต้นที่มีจ�านวนรัง
                 มากที่สุด (ร้อยละ 93.5) และสูงที่สุด (ร้อยละ 93.75)ในกลุ่มต้นไม้ที่มดแดงแต่ละโคโลนีครอบครอง ภายในรังราชินี

                 ถูกแบ่งเป็น 1-3 ห้อง ทางเข้า-ออกของรังมีขนาดใหญ่กว่ารังอื่นๆ ต�าแหน่งของรังราชินีส่วนใหญ่พบอยู่บริเวณส่วน
                 กลางเรือนยอดแนวตั้ง (ร้อยละ 75 ของจ�านวนรังราชินีทั้งหมด) และอยู่บริเวณช่วงกลางทรงพุ่มในแนวราบ (ร้อยละ 55
                 ของจ�านวนรังราชินีทั้งหมด) ความสัมพันธ์ระหว่างต�าแหน่งรังราชินีกับความสูงของทรงพุ่มต้นไม้มีความสัมพันธ์กัน

                 อย่างมีนัยส�าคัญยิ่งทางสถิติ (r =  0.648 ; P < 0.01) และความสัมพันธ์ระหว่างต�าแหน่งรังราชินีมดแดงกับความกว้าง
                 ของทรงพุ่มต้นไม้มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (r =  0.527 ; P < 0.05)  รังของราชินีมดแดงพบได้ทุก
                 ทิศทางรอบต้นไม้ พบมากที่สุดทางทิศใต้ (ร้อยละ 24 ของจ�านวนรังราชินีทั้งหมด) ส�าหรับทางเข้า-ออกของรังพบ
                 ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มากที่สุด (ร้อยละ 24 ของจ�านวนรังราชินีทั้งหมด)
                        การศึกษานี้ช่วยแก้ปัญหาให้สามารถเลี้ยงมดแดงในพื้นที่ที่ไม่มีมดแดงอาศัย และเป็นรายงานใหม่ที่ยังไม่มี

                 การศึกษามาก่อนในประเทศไทย

                 ค�ำส�ำคัญ: มดแดง ราชินีมดแดง ต�าแหน่งรังราชินี ประเทศไทย


                                 ค�ำน�ำ                      แหล่งอาหารโลกที่ส�าคัญในอนาคต (Offenberg and
                                                             Wiwatwitaya, 2009) มดแดงสามารถเลี้ยงได้ในทุกพื้นที่
                        ในกลุ่มราษฎรที่มีรายได้หลักจากการท�านา

                 ส่วนใหญ่ อาศัยพึ่งพิงธรรมชาติด้วยการเก็บหาของป่า   ไม่ต้องใช้เงินหรือมีต้นทุน เพราะอาหารเลี้ยงมดแดง
                                                             สามารถหาได้จากธรรมชาติในท้องถิ่นนั้นๆ นอกจากนี้
                 พืชผักและผลผลิตจากแมลง (Puargmalee and Santi,   การเลี้ยงมดแดงยังสามารถช่วยควบคุมและลดแมลง
                 2014) ในฤดูแล้งการขาดแคลนแหล่งน�้าท�าให้ราษฎร  ศัตรูพืชได้ ช่วยลดต้นทุนการใช้สารเคมี ท�าให้พืชผล
                 ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จึงขาดรายได้หลักใน  ของเกษตรกรมีคุณภาพและมูลค่าเพิ่มขึ้น และยังเป็นผลดี
                 ช่วงนี้ มดแดงจัดเป็นแมลงกินได้ที่มีความส�าคัญทาง  กับสุขภาพของเกษตรกร ไม่เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อม

                 เศรษฐกิจมากชนิดหนึ่ง ไข่มดแดงเป็นที่นิยมและรู้จักกัน  (Barzman et al., 1996; Van Mele and Cuc, 2000; Peng
                 มายาวนาน ถือเป็นอาหารที่ล�้าค่าและมีมูลค่าค่อนข้างสูง  and Christian, 2005; Van Mele and Cuc, 2007 and Van
                 สามารถน�ามาประกอบอาหารได้หลากหลาย เป็นอาหาร  Mele, 2008) ถึงแม้ว่าการเลี้ยงมดแดงมีผลกระทบจาก
                 คน และสัตว์ มีคุณค่าทางโปรตีนสูง จึงเป็นสินค้าที่  เพลี้ยที่มดแดงน�าเข้ามาเลี้ยงบนต้นไม้แต่ผลผลิตและ

                 สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับราษฎรในช่วงฤดูแล้ง  มูลค่าที่ได้จากการเลี้ยงมดแดงเพื่อก�าจัดศัตรูพืชจะให้
                 ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงองค์การอาหารและการเกษตร  ประโยชน์ที่สูงสุดแก่เกษตรกร เมื่อเปรียบเทียบกับการ
                 แห่งสหประชาชาติ (FAO.) ยังระบุว่าไข่มดแดงเป็น  ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงที่เป็นมลพิษในสิ่งแวดล้อม
   1   2   3   4   5   6   7   8   9