Page 28 -
P. 28

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
                 26                        Thai J. For. 35 (1) : 24-33 (2016)



                ซึ่งต้นไม้หรือแม่ไม้ที่โตกว่าย่อมมีศักยภาพสูงกว่าไม้  สงวนชีวมณฑลห้วยคอกม้า-ล�าเชียงสา เป็นบริเวณที่มี

                ขนาดเล็ก นอกจากนี้การที่เมล็ดร่วงหล่นเป็นจ�านวน  ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากรชีวภาพทั้ง
                มากภายใต้แม่ไม้มีส่วนดึงดูดให้สัตว์บางชนิดในกลุ่ม  พืชพรรณและสัตว์ป่าค่อนข้างสูง ดังนั้นการกระท�าต่อกัน
                สัตว์ผู้ท�าลายเมล็ด (seed predator) เข้ามากัดกินผลและ  หรือความสัมพันธ์ระหว่างพรรณพืชและสัตว์ป่าเพื่อ
                เมล็ดท�าให้โอกาสในการงอกลดลงอีกด้วย (Figure 2)   ให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติจึงเป็นกรณีศึกษาที่

                เนื่องจากมีแนวโน้มที่สัตว์ผู้ท�าลายเมล็ดเลือกเข้ามากิน  น่าสนใจเพราะความรู้ที่ได้นั้นสามารถน�าไปประยุกต์
                เมล็ดในบริเวณที่ผลหรือเมล็ดมีความหนาแน่นสูง ทั้งนี้  ใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกรบกวนและช่วยให้พืชมี
                สัตว์แต่ละชนิดเลือกกินผลของพืชที่มีลักษณะแตกต่าง  การสืบต่อพันธุ์ตามธรรมชาติเพื่อคงไว้ซึ่งความหลากหลาย
                กันไป เช่น ขนาด สี รูปร่าง ชนิด และรสชาติของผล   ทางชีวภาพของป่าดิบเขาอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม

                เป็นต้น ความสัมพันธ์ของพืชและสัตว์ในลักษณะเช่นนี้  มีรายงานการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพืชแต่การ
                มีส่วนช่วยในการสร้างและรักษาสมดุลของการสืบต่อ  ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพืชกับสัตว์กินพืชในพื้นที่
                พันธุ์ของพรรณไม้ภายในป่า ส่งผลให้ระบบนิเวศสามารถ  น้อยมาก จึงควรเร่งด�าเนินการศึกษาก่อนที่การรบกวน
                ด�ารงอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน     จากกิจกรรมของมนุษย์จะน�าไปสู่การสูญเสียความหลาก

                        ป่าดิบเขา (Montane evergreen forest) จัดเป็น  หลายทางชีวภาพจนยากจะท�าการแก้ไข วัตถุประสงค์
                ระบบนิเวศที่พบบนพื้นที่ภูเขาสูง พบตั้งแต่ระดับความสูง   การศึกษาครั้งนี้ เพื่อต้องการทราบถึงพืชที่มีความ
                1,000 เมตรจากระดับน�้าทะเล จึงมีลักษณะสภาพภูมิอากาศ  ส�าคัญต่อการยังชีพของสัตว์ป่าภายในป่าดิบเขาระดับต�่า
                ที่ค่อนข้างแตกต่างจากบริเวณพื้นที่ราบโดยเฉพาะอุณหภูมิ  อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่

                ที่ค่อนข้างต�่าตลอดทั้งปี ส่งผลให้สภาพอากาศมีความหนาว
                เย็นและมีความชื้นในอากาศสูง ส่งผลต่อการปรากฏของ        อุปกรณ์และวิธีกำร
                ชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่มีความเฉพาะต่อปัจจัยจ�ากัด  สถำนที่ศึกษำ
                ดังกล่าว (DEQP, 2002) การรบกวนระบบนิเวศป่าดิบเขา     อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประกอบไปด้วย

                ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ทางด้าน  สังคมพืชที่หลากหลาย แต่ที่โดดเด่นคือสังคมพืชป่า
                เกษตรกรรมย่อมส่งผลต่อความแปรปรวนของสภาพ      ดิบเขา ซึ่งส่วนหนึ่งของป่าดิบเขาระดับต�่าในอุทยาน
                ภูมิอากาศท้องถิ่น ทั้งด้านความชื้น ความเข้มแสง และ  แห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สงวน
                อุณหภูมิ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (Asanok, 2012) ซึ่ง  ชีวมณฑลแม่สา-ห้วยคอกม้า มีการจัดท�าแปลงถาวร

                อาจส่งผลกระทบถึงการสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์ในระดับ  ในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระต�าหนัก
                ท้องถิ่นได้ การท�าลายป่าดิบเขาท�าให้เกิดหย่อมป่า (forest   ภูพิงคราชนิเวศน์ พื้นที่ 0.65 ตารางกิโลเมตร ความสูง
                patches) กระจายเป็นหย่อมๆ จนยากที่สัตว์ขนาดใหญ่  จากระดับน�้าทะเล 1,250-1,540 เมตร สภาพภูมิอากาศ
                จะอาศัยอยู่ได้จึงไม่ค่อยพบความหลากชนิดของสัตว์ป่า  มีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี อยู่ระหว่าง 2-23 องศา

                ขนาดใหญ่ในป่าดิบเขาที่มีการรบกวนมากนักเมื่อเปรียบ  เซลเซียส มีปริมาณน�้าฝนเฉลี่ยตลอดปี ระหว่าง
                เทียบกับสัตว์ขนาดเล็ก (Marod and Kutintara, 2009)  1,350-2,500 มิลลิเมตร และมีค่าเฉลี่ยความชื้นสัมพัทธ์
                        ส�าหรับป่าดิบเขาระดับต�่า (Lower montane   ตลอดปี ระหว่าง 70-80 เปอร์เซ็นต์ (Saleetid, 1998)
                evergreen forest: LMF) ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย      แปลงถาวรป่าดิบเขาระดับต�่า บริเวณลุ่มน�้า

                บริเวณด้านหลังพระต�าหนักภูพิงคราชนิเวศ หรือพื้นที่  ห้วยคอกม้า มีพื้นที่ขนาด 16 เฮกแตร์ (400 เมตร × 400
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33