Page 263 -
P. 263
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
259
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ได้น�าไม้ผล 5 ชนิด คือ ไม้มะม่วง ไม้เงาะ ไม้ทุเรียน ไม้ลิ้นจี่ และไม้ล�าไย มาทดลองท�าแผ่นชิ้น
ไม้อัดเรียงเสี้ยนที่จัดเรียงแบบ 3 ชั้น โดยให้ไม้บางเรียงเสี้ยนไม้ตั้งฉากกันใช้กาวฟีนอล- รีซอรซินอลฟอร์มาลดีไฮด์
(PRF) และกาวโพลีเมอริค ไดฟีนิลมีเทน ไดไอโซไซยาเนต (pMDI) ในปริมาณ 3 ระดับ คือ ร้อยละ 5, 7 และ 9 ของ
น�้าหนักไม้บางแห้ง
ผลจากการน�าไม้ผลมาผลิตแผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยนพบว่า ไม้มะม่วง ไม้ทุเรียน ไม้เงาะ ไม้ลิ้นจี่ และไม้
ล�าไย มีความเหมาะสมกับการผลิตเรียงล�าดับจากมากไปน้อย และเมื่อเปรียบเทียบสมบัติกับเกณฑ์มาตรฐาน มอก.
876-2547 มาตรฐาน JIS A 5908 – 2003 และมาตรฐาน BS EN 300-1997 พบว่าเมื่อใช้กาว pMDI ที่ระดับปริมาณ
กาวร้อยละ 5 ของน�้าหนักไม้บางแห้งชนิดไม้ที่เหมาะสมในการผลิต คือ ไม้มะม่วง ไม้ทุเรียน และไม้ลิ้นจี่ การใช้ไม้
เงาะต้องใช้กาวร้อยละ 7 ของน�้าหนักไม้บางแห้ง การใช้กาว PRF ที่ระดับปริมาณกาวร้อยละ 7 ของน�้าหนักไม้บาง
แห้งชนิดไม้ที่เหมาะสม คือ ไม้มะม่วง ส�าหรับไม้ทุเรียนใช้กาวปริมาณร้อยละ 9 ของน�้าหนักไม้บางแห้ง และจากผล
การวิจัยยังพบว่า ไม้ล�าไยไม่เหมาะสมในการน�ามาท�าแผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยน
แผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยนที่มีสมบัติผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และมีต้นทุนในการผลิต
ต�่าที่สุด คือ การผลิตแผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยนที่ใช้กาว pMDI ร้อยละ 5 มีต้นทุนการผลิตต่อแผ่น เท่ากับ 53.41 บาทต่อ
แผ่น (35x35x1.0 เซนติเมตร) ส่วนการผลิตแผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยนที่ใช้กาว PRF ร้อยละ 7 มีต้นทุนการผลิตต่อแผ่น
เท่ากับ 58.61 บาทต่อแผ่น (35x35x1.0 เซนติเมตร)
ค�าส�าคัญ: กาวโพลีเมอริค ไดฟีนิลมีเทน ไดไอโซไซยาเนต กาวฟีนอล-รีซอรซินอลฟอร์มาลดีไฮด์
แผ่นชิ้นไม้อัดเรียงเสี้ยน
ค�าน�า ปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีจ�านวนประชากร
ปัจจุบันไม้ยังมีความจ�าเป็นส�าหรับการก่อสร้าง 27 ล้านคน มีพื้นที่ป่า 171 ล้านไร่ หรือร้อยละ 53.33 ของ
บ้านเรือน เครื่องเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิต พื้นที่ประเทศ หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกสัมปทาน
ประจ�าวัน ท�าให้ต้องหาไม้มาใช้ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหา ป่าบกในเดือนมกราคม พ.ศ. 2532 พื้นที่ป่าไม้มีประมาณ
การลักลอบตัดไม้จากป่าธรรมชาติและการค้าไม้เถื่อน 89.76 ล้านไร่ หรือประมาณร้อยละ 28 ของพื้นที่ประเทศ
เกิดปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมตามมาอีกหลายประการ และได้ลดลงเหลือ 85.4 ล้านไร่ หรือร้อยละ 26.64 ของ
ท�าให้รัฐบาลต้องทุ่มเทงบประมาณและบุคลากรในการ พื้นที่ประเทศในปี พ.ศ. 2534 แต่จ�านวนประชากรเพิ่ม
ป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ท�าลายป่า ขึ้นมาถึง 56 ล้านคน ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี พื้นที่ป่าไม้
กระทั่งถึงการยกเลิกสัมปทานการท�าไม้ในป่าบกทั่วประเทศ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 เพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ท�าลายป่า แต่ ลดลงไปร้อยละ 1.36 ของพื้นที่ประเทศ หรือประมาณ
การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไม้ใช้สอยยังไม่ได้รับ 4.36 ล้านไร่ จวบจนถึงปี พ.ศ. 2549 ข้อมูลที่ได้จากการ
การแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ แม้ความพยายามส่งเสริมให้มี ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมปรากฏว่าประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้
การปลูกสร้างสวนป่าในปัจจุบันยังไม่ตอบสนองความ เหลืออยู่ 99.1 ล้านไร่ หรือ ร้อยละ 30.92 ของพื้นที่
ต้องการได้ และนับวันความต้องการใช้ไม้ของประเทศ ประเทศ ในขณะที่จ�านวนประชากรเพิ่มขึ้นไปอยู่ใน
เพิ่มทวีขึ้นตามจ�านวนประชากรที่เพิ่มขึ้น กล่าวคือ ระดับ 62 ล้านคน